“บิ๊กป้อม” เผยส่งรถถังล่าช้าเหตุยูเครนยังไม่สงบ จ่อหารือทูตยุเครน เรื่องจัดส่ง
เมื่อเวลา 8.30 น. วันที่6 กรกฎาคม ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ นายอันดรีย์ เบซตา เอกอัคราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย เข้าพบว่าจะมีการหารือเรื่องการจัดส่งรถถัง T-84 OPLOT-M ที่ยังไม่ได้จัดส่ง ว่า รถถังดังกล่าวยังคงค้างอยู่ซึ่งหากส่งได้ก็คงส่งมาแล้ว ส่วนสาเหตุของความล่าช้าในการจัดส่งนั้นเพราะประเทศยูเครนยังมีสถานการณ์ที่ไม่เรียบร้อย จึงจำเป็นที่จะนำรถถังที่มีอยู่ไปใช้งานในประเทศ คาดว่าอีกระยะหนึ่งคงมีการจัดส่ง ทั้งนี้ในการหารือกันตนก็อาจจะถามนายอันดรีย์ด้วย เพราะท่านเป็นเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยและเราก็ได้หารือกันเป็นประจำ โดยหากต้องการพบก็จะเรียกมาพบได้เสมอ ส่วนสำหรับการลงทุนสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ร่วมกันนั้น ก็จะมีการหารือกันด้วยซึ่งทางยูเครนเองก็อยากจะมาลงทุนสร้างยุทโธปกรณ์ประเภทยานเกราะล้อยาง
เมื่อถามว่าการจัดซื้อรถถังจากประเทศจีนนั้นเพราะว่าประเทศยูเครนจัดส่งให้ล่าช้าหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อาจเป็นไปได้ ซึ่งทางกองทัพบกต้องการให้เกิดความรวดเร็วในการจัดซื้อ อีกทั้ง พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการมหารบก (ผบ.ทบ.)ได้เดินทางไปดูด้วยตนเอง จึงได้เห็นสมรรถภาพและสามารถนำมาใช้งานได้ ส่วนการจะมีการจัดซื้ออาวุธจากยูเครนเพิ่มเติมหรือไม่หากสถานการณ์ในประเทศยังไม่สงบ นั้นตนยังไม่รู้อนาคตว่าจะเป็นไปในทิศทางใดแต่ก็ต้องคุยกันก่อนว่าเขาจะดำเนินการได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งทาง กองทัพบกจะเป็นผู้ดูแล
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์การจัดสรรงบประมาณของกระทรวงกลาโหมที่มีสูงกว่างบประมาณของกระทรวงอื่นว่า งบประมาณมากกว่าก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ซึ่งโดยปกติก็ต้องมีมากกว่าอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ในส่วนของงบประมาณกลางนั้นจะนำไปใช้เกี่ยวกับประชาชนโดยตรงทั้งด้านการสาธารณะสุข เกษตรกร เป็นต้น ซึ่งก็ธรรมดาที่ภาษีต่างๆต้องนำไปใช้กับราษฎรถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว สำหรับงบของกระทรวงกลาโหมที่จะนำมาซื้ออาวุธต่างๆนั้นเราก็ทำเพื่อประชาชน เพราะเชื่อว่าหากมีอาวุธที่ดีก็สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการดูแลอธิปไตยและทำให้ประเทศเกิดความสงบสุข
