‘อนุทิน’ หารืออุปทูตจีนขอซื้อยาต้านไวรัสโควิด-19 เป็นกรณีพิเศษ

‘อนุทิน’ หารืออุปทูตจีนขอซื้อยาต้านไวรัสโควิด-19 เป็นกรณีพิเศษ ยันไทยมียารักษาเพียงพอ ชี้ สถานการณ์ยังไม่แย่พอจะประกาศเตือนสู่ขั้น 3

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 2 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยภายหลังพบ นายหยาง ซิน อุปทูตจีนประจำประเทศไทย ว่า ได้ขอให้ช่วยเจรจากับผู้ผลิตยาที่ได้ลิขสิทธิ์ในการผลิตยาการรักษาไวรัสโควิด-19 ที่มีสรรพคุณใช้ได้ดีกับผู้ป่วย ให้ทางการไทยสามารถซื้อยาเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากยาที่นำมารักษาใช้ในการรักษาคนจีนกว่าครึ่ง ซึ่งขณะนี้ทางการจีนยังไม่อนุญาตให้มีการขายยาออกนอกประเทศ โดยขอให้นายหยางช่วยประสานงานให้ไทยซื้อยาได้ แต่ยืนยันยาของไทยที่ผลิตเอง และใช้รักษาเพื่อยับยั้งอาการได้ ดังนั้นกระแสข่าวไม่มียารักษาผู้ป่วยไม่เป็นความจริง และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้ซื้อยานี้ได้จำนวนหนึ่งโดยใช้ความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นบริษัทผู้ผลิตยาด้วยกัน จึงนำเข้ามาได้ในสัปดาห์ที่แล้ว

นายอนุทินยืนยันว่า ขณะนี้ไทยมียาเพียงพอกับการรักษายับยั้งอาการให้หายได้ หากไม่มีการแพร่ระบาดที่รุนแรงมากกว่านี้ ทั้งนี้ จากการรักษาไทยมีความมั่นใจมากขึ้น โดยจากผู้ป่วย 43 ราย กลับบ้านได้ 28 ราย รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 14 คน เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งยังไม่แน่ชัดในสาเหตการเสียชีวิตว่าเกิดจากไวรัสโควิด-19 หรือไม่ ต้องรอพิสูจน์ทางการแพทย์ และในผู้ป่วย 43 ราย 2 ใน 3 รักษาหายโดยใช้ยาที่มีอยู่ในประเทศ เพราะปัจจุบันยังไม่มียารักษาโดยตรง แต่เป็นยาประคองอาการทำให้ผู้ป่วยสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อสู้กับเชื้อไวรัสและหายป่วย พร้อมย้ำผู้ที่เสียชีวิตเมื่อวานนี้รักษาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หายแล้ว แต่มีอาการป่วยจากโรคอื่นประกอบ ทำให้ไม่สามารถต่อสู้กับโรคนี้ได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนมั่นใจว่าไทยมียาเพียงพอที่จะรักษาการติดเชื้อโควิด-19 ได้

Advertisement

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

 

 

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะประกาศแผนบูรณาการป้องกันรับมือโควิด -19 โดยยังไม่ใช่การประกาศยกระดับเข้าสู่ระยะที่ 3 เพราะยังไม่มีการแพร่ติดต่อกันเองของคนสู่คนในประเทศ ในลักษณะที่เป็นคนหมู่มาก ขณะนี้ยังอยู่ในระยะที่ 2 โดยการกำหนดระยะเป็นการกำหนดขึ้นมาเอง สำคัญที่สุดต้องมียารักษาผู้ป่วย มีบุคลากรทางการแพทย์และสถานพยาบาลเพียงพอ

ส่วนมาตรการในการป้องกันดูแลตนเอง ขอให้กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ พร้อมทั้งหลีกพื้นที่แออัด หากป่วยให้สวมหน้ากากอนามัย ส่วนปัญหาการคลาดแคลน สามารถที่จะใช้หน้ากากผ้าแทนได้ เพราะถือเป็นการป้องกันการสัมผัสเท่านั้น หากต้องการป้องกันจริงต้องปิดทั้งหน้า สถานการณ์ยังไม่ถึงขนาดนั้น และหากทุกคนร่วมมือกันใช้หน้ากากผ้า การกักตุนหน้ากากอนามัยจะปล่อยสินค้าออกมาขายเอง อีกทั้งการใช้หน้ากากอนามัยต้องคำนึงถึงการกำจัดว่าจะเป็นสะสมเป็นเชื้อโรค

นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะเดียวกัน การแสดงความเห็นของนักวิชาการด้านการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาที่ระบุว่า ผู้ที่ไม่ป่วยแล้วใส่หน้ากากอนามัยจะมีโอกาสติดเชื้อมากกว่า โดยจะให้กรมควบคุมโรคเป็นผู้ชี้แจง ซึ่งเห็นด้วย หากไม่ป่วยก็ไม่ควรใช้ แต่ควรให้ใช้กับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาล หรือเมื่อเข้าไปสู่พื้นที่แออัด

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image