คลังคาดเริ่มแจกเงิน 2 พันเดือนเม.ย.นี้ ชงมาตรการโควิด-19 เข้าครม.เดินหน้าทันที(คลิป)

คลังคาดเริ่มแจกเงิน 2 พันเดือนเม.ย.นี้ ชงมาตรการโควิด-19 เข้าครม.เดินหน้าทันที

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคคลังกว่าวว่า ในเรื่องมาตรการดูแลผลกระทบจากไวรัสโควิด -19 ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเรื่องการแจกเงินนั้นจะเสนอครม. ในวันที่ 10 มีนาคม โดยจะแจกให้ประชาชน 3 กลุ่มคือ ผู้มีรายได้น้อย กลุ่มอาชีพอิสระ และเกษตร คนละ 2 พันบาท เป็นเวลา 2 เดือน เดือนละ 1,000 บาท คาดว่าจะเริ่มแจกในเดือนเมษายน ผ่านระบบพร้อมเพย์ ส่วนผู้ที่ได้รับเงินจะมีกี่คน คิดเป็นวงเงินเท่าไหร่นั้น กระทรวงการคลังจะไปดูตัวเลขอีกครั้ง ซึ่งในการดำเนินการครั้งนี้จะให้สามารถช่วยเหลือผู้มีอาชีพอิสระ เช่น กลุ่มอาชีพอิสระ ผู้ค้าขายรายเล็ก

ทั้งนี้มาตรการแจกเงินเป็นหนึ่งในมาตรการดูแลและเยียวยาประชาชนชุดที่ 1 มีการช่วยเหลือแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มผู้ประกอบการ และกลุ่มประชาชน โดยในกลุ่มผู้ประกอบกอบการมีมาตรการทางการเงิน 4 มาตรการ ประกอบด้วย 1. สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ(ซอฟท์โลน) ช่วยหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิดทั้งทางตรงและทางอ้อม 2. พักเงินต้นผ่อนภาระดอกเบี้ย ขยายเวลาชำระหนี้ของแบงก์รัฐ 3. ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ผ่อนคลายมาตรการทางการเงิน เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ 4. มาตราการการเงินเป็นสินเชื่อจากกองทุนประกันสังคม นำมาปล่อยกู้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ

นายอุตตม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้มีมาตรการภาษี 4 มาตรการ ประกอบด้วย 1.มาตรรการคืนสภาพคล่อง ลดภาษีหัก ณ ที่จ่าย 2.มาตรการภาษีลดภาระดอกเบี้ย ให้เอสเอ็มอีนำดอกเบี้ยจ่ายมาหักลดหย่อนภาษี 3.มาตรการส่งเสริมการจ้างงงาน ให้เอสเอ็มอีนำายจ่ายค่าจ้างลูกจ้างในธุรกิจเอสเอ็มอีหักรายจ่ายได้ 3 เท่า 4.กระทรวงการคลังจะเร่งคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต) ภายในประเทศ โดยยื่นแบบทางอินเตอร์เน็คคืนภายใน 15 วัน ยื่นกับกรมสรรพากรคืนภายใน 45 วัน

Advertisement

นายอุตตม กล่าวต่อว่า มาตรการอื่น ๆ เช่น หน่วยงาน และกระทรวงต่างๆ ลดค่าค่าธรรมเนียม หรือค่าตอบแทนอื่น รวมถึงมีมาตรการลดค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพลังงานจะไปดูเพิ่มเติมในเรื่องนี้ นอกจากนี้จะมีการพิจารณาลดเงินสมทบประกันสังคมลง ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบจะไปพิจารณาเรื่องนี้ มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบ 2563 คลังจะปรับปรุงขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้างของรัฐในการเร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณให้สะดวกและคล่องตัว นอกจากนี้ยังมีสร้างความเชื่อมั่นในระบบตลาดทุน ซึ่งให้กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว(SSF) ให้สามารถตั้งกองทุนที่ลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียน(ซื้อหุ้น) มากกว่า 65% เพื่อให้ประชาชนเข้าไปซื้อกองทุนดังกล่าวจนถึงเดือนมิถุนายน

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image