เมื่อวันที่ 8 มีนาคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า วันนี้ได้รับหนังสือ ที่ ตช. 0026(12)3/580 จากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญกรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ลงวันที่ 2 มีนาคม 2563 เรื่อง แจ้งให้เชิญพยานมาให้ถ้อยคำประกอบสำนวนการสอบสวน ครั้งที่ 1 ลงนามโดย ว่าที่พันตำรวจเอก พิเชษฐ์ คำภีรานนท์ ผู้กำกับการ 3 บก.ปอท. ซึ่งเป็นคดีเรื่อง “ทฤษฎีกบต้ม” ที่ตนได้เคยเตือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และรัฐบาลไว้นานแล้ว แต่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้คนมาฟ้องตน โดยไม่รู้ว่าทฤษฎีกบต้มนี้มีอยู่จริง เป็นทฤษฎีของต่างประเทศ โดยทฤษฎีนี้พูดถึงประเทศและรวมถึงบริษัทที่ปล่อยให้ตัวเองเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ ทีละน้อยจนเจ๊งและเสียหายหมด เหมือนกับกบที่อยู่ในหม้อต้มน้ำที่ค่อยๆ เร่งไฟสุดท้ายกบก็ถูกต้มตายโดยไม่ทันรู้ตัว ซึ่งเหตุการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นจริงกับประเทศไทย แต่ตนเตือนมาหลายปีแล้ว ก็ไม่เข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่เข้าใจสภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังเป็นกบต้มอยู่ใช่หรือไม่ ถึงได้ยังคงให้ตำรวจส่งจดหมายมาเร่งรัดให้ตนนำพยานไปพบ บก.ปอท. ซึ่งปกติต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจเองใช่หรือไม่ ที่ต้องเรียกพยาน
ดังนั้น จึงอยากถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่าเหตุใดถึงได้มีจดหมายนี้ส่งมาถึงตน ตั้งใจจะกลั่นแกล้งตนใช่หรือไม่ อีกทั้งอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปอ่านบทความทฤษฎีกบต้ม ที่เขียนโดยอาจารย์โกร่ง ดร.วีรพงษ์รามางกูร
ทฤษฎีกบต้ม : โดย วีรพงษ์ รามางกูร https://www.matichon.co.th/columnists/news_622108
ที่ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์มติชน และลงในเว็บไซต์ เพื่อจะได้เข้าใจทฤษฎีนี้ และ ดร.วีรพงษ์เองก็เพิ่งจะปาฐกถาพูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ว่าเป็นผู้นำที่ไม่ฉลาดอ่านแล้วอาจจะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ฉลาดขึ้นแล้วจะได้เลิกกลั่นแกล้งตน
นายพิชัยกล่าวว่า ทั้งนี้ อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้พิจารณาผลงานของตัวเองว่าตลอดเวลาที่บริหารประเทศมาได้สร้างความเสียหายให้ประเทศมากมายขนาดไหน คนไทยกำลังเข้าสู่ภาวะกบต้มใช่หรือไม่ ธนาคารโลกเองยังบอกว่าตั้งแต่ปี 2558-2561 ที่อยู่ในช่วงการปฏิวัติประเทศไทยมีคนจนเพิ่มมากขึ้นเกือบ 2 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 36% อีกทั้งธนาคารโลกยังบอกว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำ รายได้ประชาชนลดลง ซึ่งก็เป็นจริง โดยธนาคารโลกคงไม่มากล่าวหารัฐบาลแบบมั่วๆ หรือตั้งใจให้ร้ายรัฐบาล ถ้าหากไม่เป็นความจริง และสภาวะปัจจุบันที่โรงงานปิดแล้วเป็นหมื่นโรงงาน คนตกงานเพิ่มหลายแสนคน หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง หนี้เสียเพิ่มมาก คนฆ่าตัวตายเพราะพิษเศรษฐกิจเกือบทุกวัน และเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกปีนี้จะติดลบ และอาจจะถึงกับติดลบทั้งปีได้ โดยรัฐบาลยังไม่มีทิศทางที่จะฟื้นเศรษฐกิจได้เลย แบบนี้ไม่เรียกภาวะกบต้มแล้วจะให้เรียกภาวะกบสุกหรืออย่างไร
ดังนั้น แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเสียเวลากับตนในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องนี้ ควรใช้เวลาไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ทรุดหนักจะดีกว่ามาก ทั้งนี้ อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์เข้าใจว่าแฟลชม็อบของนิสิต นักศึกษา และนักเรียน คือ ความพยายามที่จะกระโดดออกจากภาวะกบต้มนี้ เพราะหากทุกคนอยู่เฉย คนทั้งประเทศจะเดือดร้อนกันหมด
ทั้งนี้ ได้ขอให้ทนายของตน นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย นัดหมายกับ บก.ปอท. โดยจะพาพยานคนแรกคือ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ได้เคยออกมาคัดค้านการดำเนินคดีกับตนในคดีกบต้มนี้ตั้งแต่สมัยนั้น เข้าพบ บก. ปอท. เพื่อเป็นพยานให้ตน เชื่อว่าประชาชนอีกหลายล้านคนคงอยากเป็นพยานให้ตนเช่นกันเพื่อบอกว่าประเทศไทยกำลังเป็นกบต้มกันแล้วใช่หรือไม่
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
