‘ณัฐวุฒิ’ จวก ผู้นำโง่เราจะตายกันหมด ไม่น่ากลัวเท่า เราตายกันหมดแล้วผู้นำยังโง่อยู่

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตประธานยุทธศาสตร์หาเสียงเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ โพสต์ข้อความเรื่อง  #ผนงรจตกม ผู้นำโง่เราจะตายกันหมด ไม่น่ากลัวเท่า #รตกมลผนยงย เราตายกันหมดแล้วผู้นำยังโง่อยู่ ว่า

“สถานการณ์โควิด-19 มาถึงขั้นที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเป็นโรคระบาดระดับโลก กว่า 120 ประเทศ มีจำนวนผู้ติดเชื้อ จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวัน

ทุกรัฐบาลกำลังรับมือกับสถานการณ์นี้

แน่นอนที่สุดนี่ไม่ใช่สถานการณ์ทางการเมือง แต่เป็นเรื่องความเป็นความตายเป็นเรื่องชีวิตของผู้คน

Advertisement

ในประเทศไทยแม้หน่วยงานต่างๆ กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะแก้ไขสถานการณ์แต่รัฐบาลกลับถูกวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นทุกที

หลายคนในรัฐบาลเรียกร้องฝ่ายค้านและส่วนต่างๆ ไม่ให้นำกรณีโควิด-19 ไปเป็นประเด็นทางการเมือง

ผมเชื่อว่า ไม่มีใครมีความประสงค์เช่นนั้น แต่รัฐบาลในฐานะผู้มีอำนาจทางการเมืองต่างหากที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเป้าถูกวิพากษ์วิจารณ์ ไม่มีความเชื่อมั่นและไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอยู่ตลอดเวลา

ไม่มีใครเอาการเมืองเข้าไปยุ่งอะครับ แต่ผู้มีอำนาจทางการเมือง ซึ่งทำหน้าที่กันอยู่ต่างหากที่ทำให้มันยุ่งจนถึงวันนี้

ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีลงมา ล้วนมีปัญหา ตั้งแต่การสั่งการ การตัดสินใจ การปฏิบัติการและการสื่อสารกับประชาชน

-อ่อนบริหาร สื่อสารมั่ว

ในวิกฤตที่ประชาชนต้องการการแก้ปัญหาที่คมชัด แต่ความเป็นจริงกลับเห็นการชักเข้าชักออกของรัฐบาลตลอดเวลา

วันดีคืนดีก็เอาหน้ากากอนามัยมาขายที่ทำเนียบ แล้วต่อมาก็ประกาศเลิกขาย

เคยเรียกร้องประชาชนงดจัดการชุมนุมงดไปในที่ชุมนุมคนทั้งหลาย วันนี้รัฐบาลสั่งหน่วยราชการเร่งจัดประชุมสัมมนา

ครม.เศรษฐกิจเห็นชอบแจกเงินคนละ 2,000 บาท ครม.ชุดใหญ่ บอกว่าไม่เห็นชอบ ไม่แจกซะอย่างงั้น

มีข่าวรัฐบาลเปิดรับบริจาคเงิน แต่โฆษกรัฐบาลยืนยันว่าไม่มีเจตนารับบริจาค

กรมศุลกากรแถลงว่า ตั้งแต่มกราคม-กุมภาพันธ์ ส่งออกหน้ากากอนามัยไปแล้ว 330 ตัน กรมการค้าภายในยืนยันว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น

รัฐมนตรีมหาดไทยประกาศปิดศูนย์กักกันผู้สุ่มเสี่ยงติดเชื้อ โฆษกรัฐบาลยืนยันยังไม่มีการปิดศูนย์กักกันแต่อย่างใด

คนเล่นหมากรุก หมากฮอส สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เลยก็คือ เมื่อเดินแล้วส่งเสียงเฮ๊ยๆ โทษที เอาใหม่

แต่โควิด-19 คือเรื่องความเป็นความตายของผู้คน รัฐบาลประกาศมาตรการ แถลงข้อมูลอะไรไปแล้ว จะบอกเฮ๊ยๆ โทษที เอาใหม่อยู่เรื่อยไม่ได้

เล่นแบบนี้จะไม่มีใครเชื่ออีกต่อไป คำถามคือ ถ้าฝ่ายบริหารทำงานแบบนี้ประชาชนจะพึ่งใคร

วันนี้ที่ยึดกุมเป็นที่พึ่งได้คือข้อมูลจากฝ่ายแพทย์ แต่สำหรับหน่วยงานต่างๆ ไม่ใช่ปรามาสกันนะครับ ท่านแถลงอะไรออกมาวันนี้ประชาชนไม่กล้าเชื่อ เพราะไม่รู้หน่วยงานอื่นจะมาโต้แย้งอีกเมื่อไหร่และไม่รู้จะมีการเปลี่ยนแปลงมาตรการอีกหรือไม่

ฝ่ายค้านเค้ามีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของประชาชน ประชาชนทุกคนวิตกกังวลกับสวัสดิภาพและความปลอดภัยของตัวเอง

การตั้งคำถามและการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจึงเกิดขึ้นได้ ในวิกฤตขนาดนี้ รัฐบาลต้องแสดงความสามารถนำพาประชาชนผ่านพ้นไปโดยเร็วที่สุด

ไม่ต้องเก่งถึงขนาดพลิกวิกฤตเป็นโอกาสล่ะครับ แค่ขออย่าแปรวิกฤตเป็นอุบาทว์ก็พอ แต่ได้ข่าวว่าในบางประเทศ วิกฤตทำท่าว่าจะเป็นอุบาทว์แล้วนะครับ

-ซัดกันกราด อุบาทว์เหนือจินตนาการ

หน้ากากอนามัยที่ขาดแคลนกลายเป็นมีข่าวคนใกล้ชิดรัฐมนตรีพัวพันกับขบวนการกักตุนเก็งกำไร ถามก็ตอบไม่ชัด หน้ากากที่คนเห็นทั้งประเทศก็อยู่ในคลิปก็หาไม่ได้

ความจริงที่ประชาชนค้นหาไม่มีคำตอบที่ตรงไปตรงมามอบให้ มีแต่ข่าวแจ้งจับกันไปกันมา

กระทรวงพาณิชย์แจ้งจับลาซาด้า

คนใกล้ชิดธรรมนัสแจ้งจับเสี่ยบอย

อดีตลูกพรรคพลังประชารัฐแจ้งจับแหม่มโพธิ์ดำ

ล่าสุดเกินขีดจินตนาการ กรมการค้าภายใน แจ้งจับโฆษกกรมศุลกากร

มั่วกันขนาดนี้ ระวังให้ดี วันหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะแจ้งจับนายกรัฐมนตรี

ถ้าจะมีใครเอาการเมืองมาเกี่ยวกับโควิด-19 คำตอบคือ รัฐบาลนั่นล่ะครับที่ทำให้ประชาชนไม่เชื่อถือ ไม่ไว้วางใจในการปฏิบัติหน้าที่

ในรัฐบาลเองก็มีปฏิกิริยา ประชาธิปัตย์บางส่วนเรียกร้องให้พรรคถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล แม้แต่พลังประชารัฐ สิระ ก็เรียกร้องธรรมนัส ลาออกจากรัฐมนตรี

ไม่มีใครไปทำ ฝ่ายค้านก็ไม่ได้เกี่ยวข้อง เป็นเพราะการขาดศักยภาพและไร้ความโปร่งใสของรัฐบาลเท่านั้นที่มาจนถึงวันนี้

-ประชาธิปัตย์จะถอนตัวจากพรรคร่วม?

ไม่ต้องห่วงล่ะครับ ประชาธิปัตย์เค้าชัดเจนมาตลอด ถ้ามีอะไรขัดกับอุดมการณ์พรรค เกิดความไม่ชอบมาพากลในรัฐบาล ประชาชนเริ่มพบเห็นการทุจริตคอรัปชั่นของรัฐมนตรี

เชื่อขนมกินได้ว่า ประชาธิปัตย์จะต้องประกาศอย่างเด็ดขาด ร่วมรัฐบาลต่อไปแน่นอน

ข้ออ้างที่ประกาศอย่างหนักแน่นก็คือ พรรคไม่ได้เป็นรัฐอิสระ ทุกอย่างต้องเดินตามมติพรรค

ผมไม่เคยยอมรับวาทกรรมเรื่องเผด็จการรัฐสภาหรือเผด็จการเสียงข้างมาก เผด็จการรัฐสภาไม่มีจริงอะครับ

เพราะในสภาแม้มีเสียงข้างมากไปแล้ว ยังมีองค์กรอิสระ ยังมีองค์กรตรวจสอบต่างๆ เข้ามาจัดการกับเสียงข้างมากที่ถูกกล่าวหาว่าไม่ชอบธรรมได้

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์ทำให้ผมสงสัย ว่านี่คือคำอธิบายของวาทกรรมนี้หรือไม่ เสียงข้างมากที่เป็นมติพรรค สามารถขับเคลื่อนได้โดยไม่ต้องยึดอุดมการณ์พรรค ไม่แคร์หลักประชาธิปไตย ไม่สนใจความรู้สึกประชาชน นี่มั้งครับ คำอธิบายของเผด็จการเสียงข้างมาก

-ก้าว(ให้)ไกล ไปอย่างมีระยะห่าง(เพราะการล้างบางกระชั้นชิด)

การเมืองเรื่องอนาคตใหม่ คดีอาญากำลังติดตามธนาธรและคณะอย่างกระชั้นชิด ต้องประเมินกันดีๆ จัดระยะห่างระหว่างคณะอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลให้รอบคอบรัดกุมนะครับ

งานนี้เผลอๆ มีกิน 3 ต่อ กินธนาธรด้วยคดีอาญา กินพรรคก้าวไกลด้วยคดียุบพรรคข้อหาครอบงำ และกินสมาชิกที่เหลือในสภาพผึ้งแตกรัง

พรรคอนาคตใหม่คือผู้คนและการเดินทาง แต่ชะตากรรมของอนาคตใหม่ก็กำลังเดินทางอยู่เช่นเดียวกัน ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

-พลังนักศึกษา ไม่ได้แผ่ว

พลังนิสิตนักศึกษาที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะค่อยๆ มอดลง ผมไม่เห็นอย่างงั้นล่ะครับ ผมคิดว่าพลังนี้เกิดแล้วและยังอยู่ จะมีพัฒนาการต่อไปข้างหน้าแน่ๆ เพราะนักศึกษาแต่ละสถาบัน

เห็นพลังของตัวเองและเห็นพลังของกันและกัน เพียงแต่สถานการณ์วันนี้ยังไม่เอื้อสำหรับการขับเคลื่อนมวลชนขนาดใหญ่ หรือขยับความเข้มข้นของการเรียกร้องแต่อย่างใด

ทั้งสถานการณ์โควิด-19 ทั้งสถานการณ์ที่ขบวนการพลังนักศึกษาคงต้องการเวลาในการเชื่อมประสานทำงานแนวร่วม ต้องติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้ต่อไป

ผมแน่ใจว่า พลังที่เกิดขึ้นแล้วของคนหนุ่มสาว จะไม่หยุด ไม่ถอยลงไปง่ายๆ แน่ๆ

– #ผนงรจตกม ก็น่าจะจริง?

ไม่ต้องย่อแล้ว เค้ารู้กันหมดแล้ว ผู้นำโง่เราจะตายกันหมด แต่วันนี้ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ เราตายกันหมดแล้วผู้นำยังโง่อยู่” นายณัฐวุฒิกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image