แม้กระทั่งข่าว 6 ผบ.เหล่าทัพซึ่งดำรงตำแหน่งเป็น ส.ว.ประกาศไม่รับเงินเดือนจากเดือนมกราคม กระทั่ง เดือนกันยายน 2563 ก็ถูกมองและตีความว่าเป็นสัญญาณทางการเมือง
เป็นสัญญาณอันนำไปสู่การตีความในเรื่องปฏิบัติการ “รัฐประหาร”
สัญญาณและแนวโน้มเช่นนี้อาจเป็นเรื่องธรรมดาอย่างปรกติยิ่งสำหรับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย แต่ก็เป็นเรื่องแปลกที่ประหลาดอย่างยิ่งหากมองจากสายตาโลก
ที่ว่าเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับสังคมประเทศไทยเพราะว่ารัฐประหารได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วถึง 13 ครั้ง และสัญญาณเช่นนี้ก็มิได้เป็นปรากฎการณ์อย่างใหม่ในทางการเมือง
สัญญาณและกลิ่นของ ”รัฐประหาร”จึงยังดำรงอยู่
ถามว่าเหตุใดการแสดงออกของ ๖ ผบ.เหล่าทัพจึงเสมือนกับเป็นการส่งสัญญาณในทางการเมือง
คำตอบ 1 เพราะนี่มิได้เป็นการดำรงตำแหน่งหนแรก
ก่อนหน้านี้ทหารเหล่านี้บางคนก็เคยดำรงตำแหน่งอยู่ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติมาแล้วก็ไม่เห็นว่าจะแสดงความรังเกียจหรือแสดงความเสียสละแต่อย่างใด
บางคนถึงกับไปรับเงินเดือนในรัฐวิสาหกิจและรับเงินเดือนมิใช่ 2 ทางหากแต่เป็น 3 ทางด้วยซ้ำ
คำตอบ 1 สภาพการณ์ทางการเมืองและปัญหาที่รัฐบาลประสบ อยู่ในขณะนี้เริ่มรุนแรง กว้างขวางและซึมลึก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ในด้านการเมืองและในด้านการบริหาร
เป็นไปได้ที่ผบ.เหล่าทัพจะแสดงอาการ”ลอยตัว”และถอยห่างจากการเป็นองคาพยพหนึ่งในการค้ำยันรัฐบาล
หากใครติดตามสถานะของรัฐบาลในเชิงเปรียบเทียบระหว่างในห้วง หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 กับในห้วงหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562
ก็ต้องยอมรับว่า “อำนาจ” และ “เสถียรภาพ”ของรัฐบาลไม่เหมือนเดิม
มีปัจจัยหลายปัจจัยกระแทกเข้ามาทดสอบรัฐบาล
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านภัยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภัยจากโรคระบาด ทำให้ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลลดน้อยถอยลง
เหล่านี้เป็นเนื้อดินอันเหมาะสมยิ่งต่อการเกิดขึ้นของรัฐประหาร