‘ธนาธร’ โชว์วิสัยทัศน์แก้วิกฤตโควิด จี้ ‘ประยุทธ์’ ลาออก ขอถือธงนำ ‘คณะก้าวหน้า’

‘ธนาธร’ โชว์วิสัยทัศน์แก้วิกฤตโควิด-19 เริ่มต้นให้ ‘ประยุทธ์’ ลาออก ขอถือธงนำ ‘คณะก้าวหน้า’ ทำข้อเสนอ 3 ยุบ 1 เลิก 1 แก้ ‘ยุบศาล รธน.-กกต.-ส.ว.’

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้แสดงวิสัยทัศน์ในการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ “คณะก้าวหน้า” (Progressive Movement) ช่วงหนึ่งว่า วันนี้เป็นวันเปิดตัวของคณะก้าวหน้า ท่ามกลางวิกฤตของประเทศมากมายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตศรัทธาของผู้นำ วิกฤตความขัดแย้งทางการเมือง และวิกฤตการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สำหรับตนแล้ว วิกฤตที่เรากำลังเผชิญในวันนี้มีความรุนแรงสาหัส มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเราจะต้องร่วมมือกัน จากทุกฝ่ายในสังคม ในการพาสังคมไทยออกจากวิกฤตเหล่านี้ให้ได้ คณะก้าวหน้าตั้งขึ้นมาภายใต้การเผชิญหน้ากับวิกฤตเหล่านี้ เรายืนยันที่จะเดินฟันฝ่าวิกฤตเหล่านี้ไปด้วยอุดมการณ์เดิม เป้าหมายเดิมของพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไป อันได้แก่ การสร้างสังคมที่คนไทยทุกคนเท่าเทียมกัน และประเทศไทยเท่าทันโลก เราตั้งคณะก้าวหน้าขึ้นมาด้วยความปรารถนาดีต่ออนาคตของประเทศชาติ ด้วยความหวังดีกับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน เราต้องการรณรงค์เพื่อพาประเทศไทยไปข้างหน้าอย่างสันติ เราต้องการสร้างฉันทามติใหม่ที่จะทำให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เท่าเทียม และได้รับความเป็นธรรม

นายธนาธรกล่าวว่า เราไม่ได้ขาดคนที่มีความสามารถ แต่สิ่งที่เราขาดก็คือผู้นำที่เข้าใจปัญหา ผู้นำที่มีหลักคิดที่ถูกต้องในการแก้ปัญหา รูปแบบที่เกิดขึ้นอย่างซ้ำซากของการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ใน 2 เดือนที่ผ่านมาแสดงให้เห็นการดูแลคนไทยไม่เท่าเทียมกัน ไม่เห็นหัวคนเล็กคนน้อย คนรวย คนมีอำนาจได้รับการปฏิบัติอย่างหนึ่ง ขณะที่คนจนได้รับการปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง มีการฟ้องปิดปาก รัฐบาลขาดประสิทธิภาพในการสั่งการ ส่งผลให้การปฏิบัติไม่เป็นรูปธรรม การแก้ไขปัญหาไวรัสโควิด-19 จำเป็นจะต้องแก้ไขปัญหาต้องกระบวนทัศน์ใหม่ เราต้องจัดความสำคัญใหม่ ให้ผู้เชี่ยวชาญยื่นข้อเสนอ ซึ่งประกอบด้วยข้อเสนอ 3 มาตรการที่เชื่อมต่อกันคือ 1.มาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส 2.มาตรการทางการแพทย์และสาธารณสุข 3.มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งการตัดสินใจด้วยข้อมูล ใช้ข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์และแบบจำลองทางสถิติมาเป็นเครื่องช่วยตัดสินใจ

Advertisement

“เราจะคิดแต่มาตรการใดมาตรการหนึ่งไม่ได้ การออกแบบมาตรการในการแก้ไขปัญหาจำเป็นจะต้องออกแบบด้วยการคำนึงถึง 3 ส่วนไปด้วยกัน เราต้องยึดหลักการให้มั่นว่าการแก้ไขปัญหาโควิด-19 หลักการที่สำคัญที่สุดคือ หลักการที่ว่าทุกชีวิตสำคัญเท่ากัน ต้องช่วยเหลือชีวิตของเพื่อนร่วมสังคมให้ได้มากที่สุด และสุดท้ายเราต้องระดมสรรพกำลัง สนับสนุนให้ผู้ที่นำนโยบายที่ตัดสินใจจากฝ่ายการเมืองไปใช้ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด และต้องให้พวกเขาเหล่านั้นมีขวัญกำลังใจที่ดี เพื่อที่จะต่อสู้เป็นแถวหน้าของการป้องกัน และการจัดการการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 นี่คือกระบวนทัศน์ที่จะต้องมี” นายธนาธรกล่าว

นายธนาธรกล่าวอีกว่า ข้อเสนอแรกของคณะก้าวหน้าในการแก้วิกฤตของชาติในครั้งนี้คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องเสียสละลาออก เปิดทางให้คนอื่นเข้ามาเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาวิกฤตของชาติแทน เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกแล้ว ให้สภาผู้แทนราษฎรแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยมีภารกิจเฉพาะหน้า 2 อย่างที่จะต้องทำให้เสร็จภายในกรอบเวลา 1 ปีคือ ภารกิจที่ 1 คือ แก้สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 รวมถึงการฟื้นฟูประเทศหลังจากนั้น ภารกิจที่ 2 คือ เป็นเจ้าภาพในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามข้อเสนอ 3 ยุบ 1 เลิก 1 แก้ คือยุบศาลรัฐธรรมนูญ ยุบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ยุบวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้ง ส่วน 1 เลิก คือเลิกมาตรา 279 ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ยกเลิกการนิรโทษกรรมให้แก่บรรดาประกาศคำสั่งและการกระทำของ คสช. และ 1 แก้ คือแก้มาตรา 256 ให้สามารถมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ง่ายขึ้น และกำหนดให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน

“เหตุผลก็คือเพื่อทำให้การเลือกตั้งครั้งหน้า เราจะได้ผู้นำของประเทศที่เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง ที่มาจากเจตนารมณ์ของประชาชนจริงๆ ไม่ใช่ผู้นำของประเทศที่มาสืบทอดอำนาจจากการทำรัฐประหาร เมื่อสภาผู้แทนราษฎรแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว มีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว เอาภารกิจเฉพาะหน้า 2 เรื่องนี้ไปจัดการภายใน 1 ปี เสร็จแล้ว ‘ยุบสภา’ เปิดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ ให้มีการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญพร้อมกันในคราวเดียวกัน หากเดินตามโรดแมปนี้ เราจะได้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อมาทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คืนอำนาจให้กับประชาชน เราจะได้ผู้นำประเทศคนใหม่ที่มาจากเจตจำนงของประชาชน และนั่นคือโรดแมปในการแก้วิกฤตรัฐไทยที่คณะก้าวหน้าเสนอในวันนี้ ไม่ใช่เพื่อแก้วิกฤตใดวิกฤตหนึ่ง แต่เอาวิกฤตทั้งหมดมาทำให้เป็นโอกาส ในการพาประเทศไทยเดินไปข้างหน้า ตอนนี้ผมไม่ใช่ ส.ส.แล้ว ไม่ใช่ผู้นำพรรคการเมืองแล้ว ดังนั้น ขอเสนอของเราไม่ใช่เป็นการช่วงชิงอำนาจทางการเมือง แต่เป็นข้อเสนอเพื่อพาประเทศไทยไปข้างหน้า” นายธนาธรกล่าว

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตอนหนึ่งเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ส่งคลิปวิดีโอรวมถึงโทรศัพท์เข้ามาถาม โดยมีคำถามบางส่วนว่า มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้ข้อเสนอโรดแมปของคณะก้าวหน้าเป็นจริงได้ นายธนาธรตอบว่า การแพร่ระบาดของไวรัสขณะนี้ แน่นอนว่าทำให้การรวมตัวของคนหมู่มากในการเรียกร้องข้อเสนอเป็นไปไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเราพูดคุยและส่งสารให้ผู้มีอำนาจไม่ได้ ตนอยากบอกว่าสิ่งที่เสนอมาทั้งหมดนั้น พวกตนไม่มีใครได้ประโยชน์อะไรเลยจากข้อเสนอเหล่านี้ เพราะถูกตัดสิทธิไปแล้ว และตนไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้ว และที่เราไม่เสนอยุบสภาก็เพราะการยุบสภาจะทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง แต่การให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในอำนาจต่อไป โอกาสที่จะฝ่าวิกฤตเป็นไปได้ยากมาก ถ้าผู้นำไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน และ พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ไว้ใจประชาชนมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ในสภาวะแบบนี้จะฝ่าวิกฤตที่ต้องการความร่วมแรงร่วมใจของประชาชนไปได้อย่างไร

“วิกฤตโควิด-19 นี้จะอยู่กับเราอีก 1 ปีอย่างน้อย ยิ่งแก้ยิ่งตัดสินใจช้า ต้นทุนทางสังคมในการแก้ปัญหาในอนาคตจะยิ่งสูงมาก เราไม่ได้ต้องการส่งสารแค่ถึงประชาชนให้ร่วมกันเรียกร้อง แต่เราส่งสารตรงๆ ไปถึงผู้มีอำนาจ ไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ว่าถึงเวลาแล้วที่ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องเสียสละให้ประเทศไปต่อได้แล้ว ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ ผลร้ายยิ่งมหาศาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่เข้าใจการบริหารงานในทางเศรษฐกิจเลย วันนี้การชุมนุมรวมตัวกดดันให้ลาออกเป็นไปไม่ได้ แต่เราช่วยกันคนละไม้ละมือออนไลน์ ส่งเสียงดังๆ ได้ นี่คือเวลาที่กลุ่มชนชั้นนำต้องพิจารณาเรื่องนี้จริงจัง” นายธนาธรกล่าว

ย้อนอ่าน : แถลงเปิดตัว ‘คณะก้าวหน้า’ สานต่ออุดมการณ์ อนค. ปิยบุตรลั่น แม้ถูกทำลายแต่จะฟื้นคืนชีพกลับมาได้ดังนกฟินิกซ์

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image