‘ศูนย์โควิด-19’ แนะประชาชนกลับบ้าน อดใจกักตัวเอง 14 วันไม่แพร่เชื้อให้ครอบครัว

‘ศูนย์โควิด-19’ แนะประชาชนทยอยกลับบ้าน อดใจกักตัวเอง 14 วันไม่แพร่เชื้อให้ครอบครัว

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล ศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 มีนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย นพ.ทวี โชติพิทยสุนันท์ ที่ปรึกษากรมการแพทย์และกรมควบคุมโรค และนางภานิณี มโนสันติ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานกิจการนโยบายสินเชื่อและภาครัฐธนาคารอาคารสงเคราะห์ ร่วมแถลง

นายเทวัญ กล่าวว่า หลังจากที่กทม.ประกาศให้ กทม. และปริมณฑลประกาศในสถานที่ต่างๆ เป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม-12 เมษายน ส่งผลให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมากนั้นรัฐบาลได้จัดทำแผนปฏิบัติการระดับหมู่บ้านคัดกรองพื้นที่เสี่ยงแล้ว จึงขอความร่วมมือประชาชนให้อยู่ในกทม. และปริมณฑลก่อน บางครั้งผู้ที่กลับไปอาจจะไม่ทราบว่าติดเชื้อหรือไม่และจะนำพาเชื้อกลับไปที่ครอบครัวหรือไม่ สำหรับชาวไทยที่เสียชีวิตในต่างประเทศ ทางกระทรวงการต่างประเทศจะประสานช่วยเหลือต่อไป ส่วนมาตรการเยียวยาทางกระทรวงการคลังจะเสนอให้ขอรับทราบในวันที่ 24 มีนาคมนี้

นพ.ทวี กล่าวว่า ในฐานะที่เคยต่อสู้กับโรคระบาดมาเกือบ 20 ปี สถานการณ์ครั้งนี้ถือว่าโรคระบาดแรงทะลุไปไกลกว่าเท่าที่เคยเห็นมา ในฐานะแพทย์อยากเห็นความร่วมมือร่วมใจของประชาชนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก ขณะนี้โรคระบาดครั้งนี้ยังไม่มีทางกำจัด เพราะแพร่ไปทั่ว แต่สามารถบรรเทาได้คือทำตามมาตรการทางการแพทย์และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งเชื้อโควิด-19 ชนิดนี้สามารถแพร่เชื้อทางอากาศด้วยละอองขนาดใหญ่ 1-2 เมตร นอกจากนั้นสามารถแพร่เชื้อทางอากาศได้แต่ไม่มาก เช่น ในกรณีคนไข้ที่มีอาการมากและมีอาการหอบ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งหน้ากากชนิด N95 มีความจำเป็นที่ต้องใช้ป้องกัน จึงเป็นที่มาที่เราต้องรักษาระยะห่างทางสังคม

ทั้งนี้ขอแนะนำประชาชนที่เดินทางกลับบ้าน ให้ทยอยกันเดินทางอย่าไปเป็นกลุ่มใหญ่ เพราะมีโอกาสสูงในการแพร่เชื้อได้ และเมื่อกลับถึงบ้านให้ล้างมือ ทำความสะอาดร่างกาย ใส่หน้ากากอนามัย ก่อนมาพบครอบครัว สิ่งสำคัญคือต้องระวังไม่พาตัวเชื้อไปแพร่เชื้อเพิ่มและอดใจกักตัวเองไว้ 14 วัน เพราะถึงแม้จะไม่แสดงอาการแต่ก็มีโอกาสที่เชื้อจะอยู่ในระยะอาการน้อย หรือฟักตัวแล้วกลับไปแสดงอาการที่บ้านได้

Advertisement

นพ.ทวี กล่าวเพิ่มว่า ทั้งนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ระหว่างการชะลอการเกิดโรค ซึ่งจะลดการติดเชื้อได้ประมาณ 70% เพื่อให้ระบบทางการแพทย์รับมือได้ และเป็นมาตรการที่หลายประเทศใช้อยู่ อย่างไรก็ตามเราเพิ่งรู้เชื้อไวรัสนี้ประมาณ 3 เดือนและยาที่สามารถใช้ได้ผลจริงจำเพาะยังไม่มี แต่มีแต่การใช้ยาต้านไวรัสเอ็ชไอวี ฟาวิพิราเวียร์ ที่ลองนำมาใช้และได้ผลพอสมควร ยาเรมเดซีเวียร์ที่ใช้เมื่อครั้งเกิดกรณีแพร่ระบาดของอีโบล่าที่พอใช้ได้ ขณะที่ยาในประเทศเรามีพอสมควร และมีเกณฑ์ทางการแพทย์ในการนำมาใช้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image