“เพื่อไทย”ร่อนแถลงการณ์ จี้ รบ.ดำเนินการ 4 ข้อ ปูพรมหาผู้ติดเชื้อ-โยกงบยังไม่จำเป็นสู้ไวรัส

“เพื่อไทย” ร่อนแถลงการณ์ จี้ รบ.ดำเนินการ 4 ข้อ

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ออกแถลงการณ์ ว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งถือเป็นกฎหมายที่มีการควบคุมประชาชนในระดับสูง โดย กำหนดให้มีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 หรืออีกประมาณ 1 เดือนกว่า นั้น พรรคพท. เห็นว่า เมื่อรัฐบาลตัดสินใจใช้ ยาแรงแล้วปัญหาต้องจบเร็วที่สุด ไม่ควรเกินระยะเวลาที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ รัฐบาลไทยต้องควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้ โดยมีตัวชี้วัด ทางการแพทย์ชัดเจน ดังเช่นที่หลายประเทศได้ทำสำเร็จมาแล้ว ที่ผ่านมา ตั้งแต่มีข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส การบริหารวิกฤติของรัฐบาลค่อนข้าง หละหลวมบกพร่อง โดยรัฐบาลได้ปล่อยปละละเลยมาตรการสำคัญหลายประการ ตั้งแต่เริ่มต้นสภาวะวิกฤติ จนกระทั่งสถานการณ์บานปลาย ปล่อยให้มีการกักตุน และหาผลประโยชน์จาก อุปกรณ์ป้องกันตัว และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งจะเห็นได้จากการขาดแคลนหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และอุปกรณ์ที่จำเป็นในโรงพยาบาล จนกระทั่งทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น อย่างรวดเร็ว จนทะลุหลักพันคนในวันนี้ ดังนั้น เมื่อรัฐบาลบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีการจำกัดสิทธิของประชาชนมากขึ้น และอำนาจทุกอย่างกลับเข้ามาอยู่ในมือของนายกรัฐมนตรีแล้ว การควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ตลอดจนการสอบสวนหาสาเหตุต่างๆ ที่เป็นต้นตอของปัญหา ย่อมกระทำได้ง่ายกว่าเดิม

แถลงการณ์ระบุอีกว่า พรรคพท. จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ และแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยดำเนินการดังต่อไปนี้

1.ขอให้รัฐบาล ปูพรมในการค้นหาผู้ติดเชื้อที่ยังไม่แสดงอาการ นำผู้ติดเชื้อทั้งหมด มารักษา พร้อมทั้งควบคุมไม่ให้สามารถแพร่เชื้อต่อ ซึ่งในวิธีการปฏิบัตินั้น พรรคเพื่อไทยได้นำเสนอยุทธศาสตร์ 21 วัน ในการสยบปัญหาโควิเ-19 ไว้ตามที่ทราบแล้ว

Advertisement

2.ขณะนี้อุปกรณ์ในการดำรงชีวิตให้ปลอดภัยจากเชื้อไวรัส ทั้งของประชาชนตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ ขาดแคลนอย่างหนัก และราคาสูงกว่าปกติมาก สูงกว่าราคาที่รัฐบาลกำหนดถึง 10 เท่าตัว ซึ่งเมื่อมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว นายกรัฐมนตรีควรเรียกความเชื่อมั่นจากพี่น้องประชาชนคืนมา ด้วยการจับกุม และดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย และลักลอบส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขบวนการหาประโยชน์รายใหญ่ที่มีอิทธิพล และจัดสรรให้ประชาชนได้มีอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ใช้อย่างพอเพียง และเป็นธรรม

3.รัฐบาลควรดำเนินการเร่งใช้งบกลาง ที่มีอยู่กว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งอำนาจการใช้งบกลางนี้อยู่ที่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว นายกรัฐมนตรีจึงควรเร่งตัดสินใจนำงบกลางมาใช้ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งปรับงบประมาณแผ่นดิน ปี 2573 โดยเกลี่ยงบประมาณมาใช้แก้วิกฤติที่เกิดขึ้นก่อน ด้วยการยกเลิกการจัดซื้อจัดหาสิ่งของที่ยังไม่จำเป็นเช่น การจัดซื้ออาวุธ การอบรมสัมมนาดูงาน การสร้างอาคารใหม่ การซื้อ/เช่ารถประจำตำแหน่ง ฯลฯ เป็นต้น หากแต่ละกระทรวงยอมเสียสละ โดยยอมเลื่อนการใช้ งบประมาณออกไปปีหน้า เราจะได้งบประมาณกลับมาถึง 70,000-80,000 ล้านบาท รัฐบาลจะสามารถนำเงินก้อนนี้มาใช้ในการต่อสู้กับวิกฤติโควิด-19 โดยที่ไม่ต้องสร้างหนี้เพิ่มขึ้นอีก และ

4.ควรต้องใส่ใจ ในการวางมาตรการเพื่อช่วยเหลือดูแลคนยากจน ผู้มีรายได้น้อย หรือลูกจ้างรายวัน คนหาเช้ากินค่ำที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการ และวิกฤติการณ์ต่างๆ ในครั้งนี้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนต่างๆ ด้วยความเข้าใจ และเห็นอกเห็นใจยิ่ง ตามวิสัยที่รัฐควรดูแลต่อประชากรในสังคมของตนโควิด-19 ทั้งนี้ การจัดสรรงบประมาณให้โรงพยาบาล เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือให้เพียงพอต่อการป้องกันตัวเองของแพทย์ พยาบาล และเครื่องมือเวชภัณฑ์ในการรักษาผู้ป่วย จะทำให้บุคลากร ทางการแพทย์มีขวัญและกำลังใจ ในการที่ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพต่อไป โดยมาตรการทั้งหมด สามารถใช้งบกลางที่มีอยู่กว่า 5 แสนล้านบาท มาใช้ในการบริหารจัดการในทั้ง 4 มาตรการอย่างเร่งด่วนได้ทันที

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image