บทบาทของ ”ก้าวไกล พาไทย พ้นวิกฤต” ที่เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มีนาคม กำลังได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างคึกคัก
แม้จะอยู่ในบรรยากาศแห่ง “สภาปิด”
แม้จะอยู่ในบรรยากาศแห่ง “ความเงียบงัน”ไม่ว่าจะจากวุฒิสภา ไม่ว่าจะจากสภาผู้แทนราษฎร
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเป้าหมายของ “ก้าวไกล พาไทย พ้นวิกฤต” ตั้งโจทย์อยู่ที่วิกฤต “งบประมาณ” อยู่ที่วิกฤต ”การบริหาร จัดการ”
ท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างน่ากลัวของ ไวรัส โควิด-19 ท่ามกลางการบริหารจัดการอย่างไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล พล. อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นี่คือ บทบาท ความหมายของการปักธงในทางความคิด
ประเด็นอยู่ที่พรรคก้าวไกลมิได้ยอมจำนนแม้ว่าจะอยู่ในสภาพแห่งการปิดสมัยประชุม แม้ว่าจะอยู่ในสภาพถูกจำกัดด้วยเงื่อน ไขแห่งการกำหนด”ระยะห่าง”
เมื่อประชุมสภามิได้ก็จัดกระบวนอย่างเป็นหมวดหมู่และนำ เสนอผ่าน “ไลฟ์” ผ่านโซเชียล มีเดีย
เริ่มต้นเป็นการสื่อไปยัง”แฟนานุแฟน”
กระนั้น โดยเนื้อหาที่มีการตระเตรียม”ข้อมูล”เป็นอย่างดีไม่ว่าในด้าน”งบประมาณ”พื้นฐาน ไม่ว่าในด้านกระบวนการบริหารจัดการ ข้อเสนอจึงดำเนินไปอย่างมี”กัมมันตะ”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเสนอในเรื่องการจัดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ใหม่โดยการตัดเรื่องที่ไม่จำเป็นหรือจำเป็นน้อยออกไป
นำเอางบประมาณ”รวมศูนย์”ไปต่อสู้กับ”ไวรัส โควิด-19”
ข้อเสนอว่าด้วยการจัดงบประมาณใหม่ ข้อเสนอว่าด้วยการรวมศูนย์การบริหารจัดการไปยังกรณีไวรัส โควิด-19 มาจากเจตนาดีมีลักษณสร้างสรรค์
เมื่อข้อเสนอนี้มีพื้นฐาน “ก้าวไกล นำไทย พ้นวิกฤต”และได้เข้าสู่ “พื้นที่”สาธารณะ
จึงอยู่ในความสนใจของประชาชนอย่างกว้างขวาง
เท่ากับเป็นคำถามไม่เพียงแต่ต่อ “สังคม” เท่านั้น หากแต่ยัง เป็นคำถามถึง “รัฐบาล”ว่าจะเปิดใจรับฟังอย่างไร
นี่คืองานของ “ผู้แทนประชาชน” นี่คืองานของ”นักการเมือง”