นายกฯสั่งประเมิน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขู่ยกระดับเข้ม จ่อหยุดระบบโดยสารสาธารณะถ้ายังไม่ได้ผล

‘บิ๊กตู่’ สั่งประเมินผล พ.ร.ก.ฉุกเฉินเดือนแรกก่อน ขู่หากไม่ได้ผลบังคับใช้ต่อ 2-3 เดือน พร้อมยกระดับเข้ม มอบ มท.มีอำนาจพิจารณาห้ามประชาชนเข้ามาในพื้นที่ ลั่นพบบ่อยเล่นพนันลักลอบเปิดสั่งดำเนินการคดีตามกฎหมายทันที ชี้ราคาสินค้าสูง ปชช.สามารถแจ้ง จนท.ตามด่านตรวจจุดสกัดได้ทันที เตรียมใช้ยาแรงหยุดให้บริการรถสาธารณะหากยังไม่สามารถควบคุมได้

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีผ่านมา 7 วัน หลังคนกรุงเทพฯ เดินทางกลับภูมิลำเนา และสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจนมีเสียงเรียกร้องให้ห้ามเด็ดขาดในการเคลื่อนย้ายประชาชนข้ามเขตจังหวัด ว่าการที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นเป็นมาตรการหนึ่งที่อาจจะมองได้อีกแง่มุมว่าเราได้มีการตรวจสอบคัดกรองมากยิ่งขึ้น ประชาชนที่รู้ว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็มาพบแพทย์มากยิ่งขึ้น และมีโอกาสตรวจพบมากขึ้น ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องเข้าใจตรงนี้ ขณะที่ใครไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและดูแลตัวเองดีแล้วก็ไม่จำเป็นต้องไปตรวจเชื้อ ซึ่งขอให้เข้าใจด้วยว่าเราจำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมการใช้จ่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เพียงพอสำหรับผู้ที่ติดเชื้อจริงๆ และผู้ที่มีความเสี่ยงจริงๆ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทั้งนี้ ในส่วนของการปรับมาตรการต่างๆ เหล่านี้ได้ให้กระทรวงมหาดไทยที่รับผิดชอบตามกฎหมายและกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินมีอำนาจในการพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นการห้ามประชาชนเข้าออกในพื้นที่ หรือจังหวัดที่มีตัวเลขติดเชื้อเพิ่มขึ้น แม้แต่ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดมาล่วงหน้า รวมถึงการปิดในหลายสถานที่ด้วยกัน ห้ามขายสุรา ห้ามเล่นกีฬา และเด็ดขาดในเรื่องของการพนัน ที่จะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมายในทุกพื้นที่ไม่ว่าจะหนีไปเล่นที่ไหนก็ตาม โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทั้งพลเรือน ตำรวจและทหาร มีการตรวจสอบในเรื่องเหล่านี้อย่างเต็มที่

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับปัญหาสินค้าที่อาจจะมีราคาสูงขึ้นในช่วงนี้เนื่องจากมีหลายร้านค้าและหลายผู้ประกอบการฉวยโอกาส เรื่องนี้ตนได้สั่งการไปแล้ว และขอให้ประชาชนแจ้งมาได้โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำงานตามด่านจุดตรวจจุดสกัดทั้งหมดก็สามารถรับเรื่องร้องเรียนได้ และเข้าตรวจสอบได้ในทันที เพราะมีอำนาจทางกฎหมายตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมไปถึงเรื่องหนี้นอกระบบที่กำลังแพร่หลายมากขึ้น โดยมองได้ว่าประชาชนมีความเดือดร้อนมากจึงมีการปล่อยกู้ ดังนั้น ต้องทำทีละขั้นทีละตอน โดยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตามจุดตรวจสกัดทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่ให้รับเรื่องมา จากนั้นจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบและดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม อยากขอร้องว่าในช่วงนี้ยังไม่ให้มีการผ่อนชำระ หรือให้เสียดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด ไม่เช่นนั้นต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกประการอย่างไม่ละเว้น

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับการเดินทางออกนอกจังหวัดหรือนอกเขต แม้กระทั่งกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้หลายคนก็เป็นห่วงอยากให้มีการสั่งหยุดหรือปิดไปเลย แต่สิ่งเหล่านี้เราต้องดูผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลายอย่างด้วย โดยเฉพาะในเรื่องการจับจ่ายและซื้อสินค้า ดังนั้น ทุกคนต้องระมัดระวังตัวเองด้วย ขณะเดียวกันรัฐบาลเน้นย้ำในเรื่องให้บริการแกร็บ หรือไลน์แมนต่างๆ ที่ต้องมีการตรวจสอบเชื้อไวรัสจากผู้ให้บริการเหล่านี้ด้วย และอย่าไปแออัดที่ร้านค้าก่อนจะรับของไปส่ง เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้บริโภค ดังนั้น ทุกคนต้องรับผิดชอบตัวเองและรับผิดชอบผู้อื่นเสมอ

Advertisement

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนของการเดินทาง วันนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมไปพิจารณาในกรณีหากยังมีการเคลื่อนย้ายจำนวนมากอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเราเข้าใจถึงความสะดวกแต่บางคนก็ไม่จำเป็นที่ต้องเดินทาง ดังนั้น ให้ไปดูว่าการให้บริการขนส่งต่างๆ ของภาครัฐจะทำอย่างไร จำเป็นต้องลดจำนวนเที่ยวลงหรือไม่ในการให้บริการ ซึ่งหากยังไม่เรียบร้อยหรือยังไม่สามารถควบคุมได้ก็อาจต้องเจอสถานการณ์การลดการให้บริการทั้งหมด ไม่ว่าจะรถไฟฟ้า รถไฟ รถโดยสาร และรถเมล์ต่างๆ ที่จำเป็นต้องลดเที่ยวในการบริการลงจนกว่าสถานการณ์จะเรียบร้อย แต่หากยังไม่เรียบร้อยอีกก็คงต้องหยุดการให้บริการทั้งหมด เพื่อลดการเคลื่อนย้ายไปมาและลดการแพร่เชื้อ

“สำหรับการพิจารณาการประเมินผลนั้น ก็มีการประเมินผลการทำงานทุกสัปดาห์อยู่แล้วในการประชุม ครม.หรือการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ศบค. ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำตรงนี้อยู่แล้ว โดยมีการทบทวนทุกสัปดาห์ในส่วนของมาตรการ ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อำนาจตามกฎหมายจะใช้ได้ 3 เดือน แต่วันนี้ผมให้ประเมิน 1 เดือนแรกก่อน ถ้าจำเป็นก็ต่อไปเดือนที่ 2 เดือนที่ 3 โดยมาตรการจะต้องเข้มข้นขึ้นตามลำดับ ดังนั้น ยังไม่มีแนวโน้มจะยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินเว้นแต่ให้ไปพิจารณาว่าอะไรทำแล้วได้ผลและดีขึ้น ซึ่งอาจจะมีผ่อนผันอะไรก็ว่ากันไป แต่หากไม่ดีขึ้นก็จะเข้มข้นมากยิ่งขึ้น” นายกฯกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับมาตรการควบคุมคนต่างประเทศที่เข้ามาในประเทศไทย วันนี้มีเฉพาะที่มีการทำงานในประเทศไทยอยู่แล้วเท่านั้น แต่ในส่วนอื่นๆ หากเข้ามาโดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศเสี่ยงต้องเข้าสู่มาตรการกักตัว 14 วัน ทั้งสถานที่ของรัฐและที่บ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแล และเมื่อกลับสู่ภูมิลำเนาทุกคนต้องถูกกระทรวงสาธารณสุขบันทึกข้อมูลโดยร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ผ่านแอพพลิเคชั่นติดตามตัวควบคุมยังถิ่นที่อยู่อาศัย

Advertisement

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้ต้องขอโทษด้วยที่ขยับหน้ากาก เพราะรู้สึกหน้ากากไม่เข้ากับจมูกตน ไม่ค่อยเข้ากับหน้ากากเท่าไหร่ ขยับอยู่เรื่อยเวลาพูด ทำให้อาจพูดเสียงดังไปนิดต้องขอโทษด้วย จะระมัดระวังตัวเองให้มากที่สุด ขอบคุณด้วยความรักความห่วงใยจากนายกฯ รัฐบาล ถึงประชาชนทุกคนที่พำนักอาศัยในประเทศไทย ขอบคุณ ขอให้ดูแลซึ่งกันและกันให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เดินกลับมายังห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า โดยระหว่างที่เดินไปทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยูส่งให้ช่างภาพกับสื่อมวลชนที่อยู่หน้าห้องทำงานผู้สื่อข่าว 2 ติดกับประตู 1 ทางเข้าทำเนียบรัฐบาล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image