ไม่ว่ากรณีโครงการ “เราจะไม่ทิ้งกัน” คนละ 5,000 บาท ไม่ว่ากรณีของ “หน้ากากอนามัย” มีลักษณะร่วมกันอย่างหนึ่ง คือ ความคาดหวัง
ในเมื่อมีข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคมว่ามีปริมาณ 200 ล้านชิ้นอยู่แล้วในมือจึงเกิดความเชื่อมั่น
เชื่อมั่นว่าหากประสบปัญหาจะไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน
ในเมื่อชื่อของโครงการคือ “เราจะไม่ทิ้งกัน” จึงแห่กันไปจด แจ้งความต้องการ
ทั่วประเทศมากกว่า 20 ล้านคนภายในเวลาไม่กี่วัน
ภารธุระเฉพาะหน้าของรัฐบาลก็คือ จะบริหารความเชื่อมั่นของคนไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคนได้อย่างไร
หากภายใน 20 ล้านคนไม่ได้ตามที่หวังจะเกิดอะไรขึ้น
บทเรียนที่ประชาชนรู้สึกต่อกรณี”หน้ากากอนามัย”เห็นชัดอย่างยิ่งว่าดำเนินไปอย่างไร พลันที่มีข่าวการอนุมัติส่งออกเป็นจำนวนมากในท่ามกลางความขาดแคลนภายในประเทศ
การฟ้องร้องระหว่างกรมการค้าต่างประเทศต่อกรมศุลกากร แทนที่จะสร้างความมั่นใจกลับยิ่งสร้างความคลางแคลงใจ
คลางแคลงใจถึงการบูรณาการระหว่างกระทรวง
พลันที่มีคำสั่งย้ายโอนอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศไปแขวน ที่สำนักนายกรัฐมนตรีความเชื่อมั่นเดิมก็ยิ่งได้รับการตอกย้ำ
ตามมาด้วยคำสั่งล่าสุดโอนย้ายความรับผิดชอบในการตรวจ สอบการกักตุนสินค้าจากที่เคยอยู่ในมือกระทรวงพาณิชย์ไปอยู่ในมือกระทรวงมหาดไทย
ความเชื่อมั่นต่อกระทรวงพาณิชย์ ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลก็พังครืน
ข้อท้วงติงของนายกรัฐมนตรีต่อ”มาตรการ”การเยียวยาในโครงการ”เราจะไม่ทิ้งกัน”ของกระทรวงการคลัง จึงเป็นข้อท้วงติงอันทรงความหมาย
เป็นความห่วงใยโดยตรงต่อรายละเอียดภายในมาตรการว่ามีความแม่นยำ เที่ยงตรง หรือไม่อย่างไร
เพราะสิ่งที่กระทรวงการคลังกำลังจะเผชิญคือการเผชิญประสบเข้ากับความคาดหวังจากประชาชนไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคนจาก ทั่วประเทศ
เป็นข้อท้วงติงจากประสบการณ์”หน้ากากอนามัย”โดยแท้