‘อมรัตน์’ จี้ รมว.แรงงาน นำเงินกองทุนประกันสังคม บรรเทาความเดือดร้อนปชช.

‘อมรัตน์’ จี้ รมว.แรงงาน นำเงินกองทุนประกันสังคม บรรเทาความเดือดร้อนของปชช. ปล่อยกู้ไม่มีดอกเบี้ย-ไม่กำหนดผ่อนชำระคืน

เมื่อวันที่ 2 เมษายน นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานให้ช่วยเหลือแรงงานในวิกฤตเศรษฐกิจจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ระบุว่า กองทุนประกันสังคมเป็นกองทุนใหญ่ที่สุดของประเทศด้วยจำนวนเงินมากกว่า 2 ล้านล้านบาท มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับชีวิตคนไทยในระบบประกันตนมากกว่า 16 ล้านคน จึงสมควรรีบเข้ามามีบทบาทในการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องคนไทยในห้วงยามนี้อย่างที่สุด ที่ผ่านมาประเทศเราเคยได้ใช้ประโยชน์จากกองทุนนี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้งผ่านการออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) หรือกฎกระทรวง เช่น เคยนำเงินจากกองทุนประกันสังคมให้สมาชิกกู้เพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อซื้อยานพาหนะ หรือเพื่อปลดเปลื้องหนี้สิน โดยผ่านการออกเป็นพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) หรือกฎกระทรวง ที่ผ่านมานั้นมีขั้นตอนไม่ยุ่งยากสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว โดยเมื่อคณะกรรมการประกันสังคม ซึ่งมีปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธานพิจารณาให้ความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีในการออกพ.ร.ฎ. กฎกระทรวง หรือออกเป็นระเบียบต่างๆ ก็สามารถดำเนินการได้ทันที

นางอมรัตน์ กล่าวเพิ่มว่า ในวิกฤตการณ์ที่ถือว่าอยู่ในขั้นมืดแปดด้านของประเทศเวลานี้ตนขอเสนอ 1. ให้คณะกรรมการประกันสังคมกำหนดกฎเกณฑ์ วิธีการนำเงินจากกองทุนประกันสังคมมาให้สมาชิกกู้ในสัดส่วน 60-80% ที่ตนเองเป็นเจ้าของ หรือมากกว่านั้น 2. กำหนดให้ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน เพราะเงินนี้เป็นเงินส่วนที่ผู้กู้เป็นเจ้าของเองอยู่แล้ว 3. เป็นเงินกู้ที่ปลอดดอกเบี้ย หรือ หากคิดดอกเบี้ยต้องเป็นดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมาในระบบ 4. ให้ปลอดการผ่อนชำระคืนในปีแรก หากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในอนาคตไม่ดีขึ้นอาจพิจารณาขยายเวลาได้ 5. ผู้กู้ที่มีอายุเกิน 50 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสูงที่จะไม่กลับเข้ามาสู่ระบบจ้างงานอีก อาจจะให้กู้ไปเลยโดยไม่ต้องกำหนดให้ผ่อนชำระคืน 6. นำแนวทางทำงานที่มีประสิทธิภาพของสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงแรงงานมาใช้ เพราะสหกรณ์นี้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ สามารถพิจารณาอนุมัติเงินกู้ได้เสร็จภายใน 5 วันทำการ โดยใช้วิธีให้ส่งเอกสารทางไปรษณีย์ได้ ที่ผ่านมา ได้เคยมีการอนุมัติให้นำเงินจากกองทุนประกันสังคมนับแสนล้าน ออกไป ปล่อยกู้ให้กับโครงการบ้านมั่นคงและบ้านเอื้ออาทรของรัฐบาลมาแล้ว

“ดิฉันเห็นว่าในฐานะที่กองทุนประกันสังคมมีจำนวนเงินในกองทุนก้อนมหึมามากกว่า 2 ล้านล้านบาท ทั้งยังมีรายได้ดอกผลจากการลงทุนอีกปีละไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นล้านบาท และยังสัมพันธ์ใกล้ชิดเกี่ยวข้องกับประชาชนมากกว่า 16 ล้านคน จึงสมควรต้องใช้ประโยชน์จากกองทุนนี้ในการพยุงปัญหาความเดือดร้อนแสนสาหัส เพื่อบรรเทาทุกข์เฉพาะหน้าของพี่น้องประชาชนที่เป็นปัญหาเร่งด่วนที่สุดในขณะนี้” นางอมรัตน์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image