นายกฯสั่งออกมาตรการด่วนสกัดต่างชาติ-คนไทย เดินทางเข้าประเทศ มีผลวันนี้ถึง 15 เม.ย.

โฆษก ศบค.เผย นายกฯสั่งออกมาตรการเร่งด่วนสกัดต่างชาติ-คนไทย เดินทางเข้าประเทศ มีผลวันนี้ถึง 15 เม.ย.

เมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 2 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สำหรับสถานการณ์ภาพรวมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกนั้น ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 935,668 คน และชีวิต 47,181 ราย ประเทศไทยมีอยู่ในลำดับที่ 36 ของโลก ซึ่งขณะนี้สหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 214,482 คน และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 5,000 ราย กลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้ออันดับ 1 ของโลก

ส่วนประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยัน 1,875 คน แบ่งเป็นรักษาหายแล้ว 505 คน ผู้ป่วยใหม่วันนี้ 104 คน และเสียชีวิต 15 ราย ซึ่งมีรายละเอียดของผู้เสียชีวิตใหม่ 3 รายดังนี้ คือ รายแรกผู้ป่วยชายอายุ 57 ปี มีประวัติเดินทางจากอ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ไปปากีสถานตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ และเดินทางกลับมาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ต่อมาวันที่ 30 มีนาคม เดินทางกลับ อ.สุไหงโก-ลก โดยรถไฟก่อนจะพบเสียชีวิตบนรถไฟสายกรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก ซึ่งผู้เสียชีวิตรายนี้มีประวัติป่วยโรคเบาหวานร่วมด้วย รายที่สองเป็นผู้ป่วยชายไทยอายุ 77 ปี มีประวัติเป็นโรคถุงลมโป่งพองและโรคเบาหวานมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ ทำให้ป่วยตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม ด้วยอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ก่อนเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ปัตตานี ต่อมาวันที่ 20 มีนาคม ก็มีอาการแย่ลงและเสียชีวิตในวันที่ 31 มีนาคม และผู้ป่วยรายที่สามเป็นชายไทยอายุ 55 ปี อาชีพขับรถสาธารณะที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีประวัติเดินทางขับรถไปที่ จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 มีนาคม และอาศัยอยู่ที่บ้านตลอดไม่ได้ออกไปไหน ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในวันที่ 16 มีนาคม โดยจากวันนั้นก็เริ่มมีอาการไข้ ไอแห้ง อ่อนเพลีย ไม่มีน้ำมูก และเข้ารักษาตัวที่คลินิกในวันที่ 18 มีนาคม เมื่อมีอาการแย่ลงจึงไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ในวันที่ 29 มีนาคม และเสียชีวิตในวันที่ 1 เมษายน เราจึงขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้ชายชีวิตด้วย

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ด้านผู้ป่วยใหม่จำนวน 104 คน แบ่งเป็น กลุ่มผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันหรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้จำนวน 60 คน โดยติดจากสนามมวย 1 คน สถานบันเทิง 10 คน พิธีกรรมทางศาสนา ที่ประเทศอินโดนีเซีย 8 คน และติดจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้ 41 คน อีกกลุ่มหนึ่งคือ ผู้ป่วยกลุ่มอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้จำนวน 36 คน โดยคิดเป็นคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 11 คน คนต่างชาติเดินทางมาจากต่างประเทศ 3 คน สัมผัสผู้ป่วยเดินทางจากต่างประเทศ 2 คน ไปสถานที่ชุมนุม เช่น งานแฟร์ คอนเสิร์ต 1 คน ไปสถานที่แออัดหรือทำงานใกล้ชิดคนต่างชาติ 8 คน บุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข 2 คน และอื่นๆ 9 คน

จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ 104 คน กระจายอยู่ที่กรุงเทพฯ 30 คน ภูเก็ต 11 คน สมุทรปราการ 9 คน ยะลา 8 คน เชียงใหม่ 4 คน และจังหวัดอื่นๆ 42 คน สำหรับการวิเคราะห์ของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า กรุงเทพมฯ และนนทบุรี มีแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยลดลง แต่สำหรับจังหวัดอื่นๆ ในช่วง 3-4 วันนี้ดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งยังต้องหาสาเหตุต่อไป อย่างไรก็ตาม กรุงเทพฯและนนทบุรีก็ยังมีผู้ป่วยจำนวนสูงสุดของประเทศ

Advertisement

เมื่อพิจารณาลงไปถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดการแพร่เชื้อต่างๆ ของกรมควบคุมโรค วิเคราะห์การกระจายของผู้ป่วยในช่วง 7 วันล่าสุด (26 มีนาคม-1 เมษายน) และปัจจัยเสี่ยงในต่างจังหวัด พบว่า จ.เชียงใหม่ เป็นกลุ่มที่สัมผัสผู้ป่วยอาชีพดีเจทำงานในหลายผับ ซึ่งเราปิดสถานที่เสี่ยงในจังหวัดไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 มีนาคมแล้ว ซึ่งใช้ระยะฝักตัว 5-7 วัน ฉะนั้นหลังปิดผับแล้วจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง ด้านจ.ภูเก็ต ที่มีผู้ติดเชื้อ 42 คน เป็นคนทำงานในสถานบันเทิง ร้านอาหารโรงแรม และขับรถรับจ้าง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก และจ.ยะลา 14 คน จ.ปัตตานี 8 คน เป็นคนที่เดินทางกลับมาจากการร่วมพิธีการทางศาสนาที่มาเลเซีย และอินโดนีเซีย

สำหรับการกระจายของผู้ป่วยในช่วง 7 วันล่าสุด (23 มีนาคม-1 เมษายน) และปัจจัยเสี่ยงในต่างจังหวัดพบว่า จ.อุตรดิตถ์ สระแก้ว ชลบุรี และยะลา ผู้ติดเชื้อจะมีการเชื่อมโยงติดเชื้อจากต่างชาติ และสามารถโยงได้กับพฤติกรรมของคนไทยที่ชอบนั่งร้านเหล้าและมาจากกรุงเทพฯ

จากสถิติผู้ป่วยที่ติดเชื้อมาจากต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึง 1 เมษายน พบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เป็นชาวต่างชาติมาจากประเทศแถบยุโรป ขณะที่ผู้ป่วยชาวไทยที่กลับจากต่างประเทศและมีการติดเชื้อ จะมาจากประเทศแถบยุโรป กัมพูชา ปากีสถาน มาเลเซียและสหรัฐอเมริกา

Advertisement

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า เราจะเห็นว่า กรณีคนไทยที่ไปประชุมที่อิตาลี จำนวน 6 คน มีคนติดเชื้อ 4 คน ผู้สัมผัสติดเชื้อเพิ่ม 1 คน ต้องกักตัวคนรอบข้างอีก 50 คน กรณีศาสนกิจที่มาเลเซีย จำนวน 132 คน ติดเชื้อ 47 คน เสียชีวิต 4 คน ต้องกักตัวคนมากกว่า 1,000 คน กรณีศาสนกิจที่อินโดนิเซีย จำนวน 56 คนติดเชื้อ 32 คน และครั้งล่าสุดจำนวน 27 คน ติดเชื้อ 19 คน ต้องกักตัวคนมากกว่า 500 คน กรณีเดินทางจากอังกฤษ ติดเชื้อ 4 คน เสียชีวิต 1 คน (นักธุรกิจ) ต้องกักตัวคนกว่า 200 คน ซึ่งผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อป่วย แต่ปกปิดอาการ และกรณีผู้เดินทางจากกัมพูชา มีความเชื่อมโยงด่านปอยเปต ติดเชื้อ 19 คน ต้องกักตัวกว่า 300 คน

“วันนี้นายกรัฐมนตรีจึงมีมาตรการแจ้งให้กับคณะกรรมการ ศบค.ให้มีมติว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 15 เมษายน จะต้องชะลอการเดินทางของคนต่างชาติและคนไทยที่จะกลับมายังประเทศไทย ยกเว้นกลุ่มคนที่ขออนุญาตไว้ก่อนแล้ว หรือกรณีหากมีเหตุจำเป็นสามารถติดต่อได้ที่สถานทูต และต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเต็มที่ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศก็จะทำเป็นข้อมูลต่อไปเพื่อแจ้งให้กับพี่น้องประชาชน หากจำนวนการเดินทางเข้าไม่ลดลงก็จะทำให้ยอดผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพิ่มขึ้น” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image