ปิยบุตร ส่งกำลังใจถึงโรม ถูกป่ารอยต่อฟ้องปิดปาก เปิดซักฟอกนอกสภา เครือข่ายบิ๊กป้อม

ปิยบุตร ส่งกำลังใจถึงโรม ถูกป่ารอยต่อฟ้องปิดปาก เปิดซักฟอกนอกสภาบิ๊กป้อม 

วันนี้ (3 เม.ย.) นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ส่งกำลังใจถึงนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หลังถูกมูลนิธินุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ฟ้องหมิ่นประมาท หลังเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ โดยระบุว่า

[ ส่งกำลังใจให้ “รังสิมันต์ โรม” ถูก “ฟ้องปิดปาก” กรณีอภิปรายไม่ไว้วางใจ เปิดโปง #ป่ารอยต่อ เครือข่ายประวิตร ]

“วันนี้ Rangsiman Rome – รังสิมันต์ โรม เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ซึ่งมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ จากการที่รังสิมันต์ได้ทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563

หลังเกิดปัญหาการบริหารจัดการเวลาการอภิปราย จนทำให้ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่เพิ่งถูกยุบพรรคไปไม่กี่วันในขณะนั้น ไม่เหลือเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคนที่เหลืออยู่เลย อดีต ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ จึงย้ายสถานที่มาอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาต่อที่บริเวณจุดแถลงข่าว

Advertisement

โดย รังสิมันต์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เปิดเผย เครือข่ายประวิตร – ป่ารอยต่อ ว่าคือ การเกาะเกี่ยวกันของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ทั้งกลุ่มที่ถืออำนาจรัฐ และกลุ่มที่ถืออำนาจทุน การร่วมกิจกรรมของมูลนิธิป่ารอยต่อฯ เสมือนเป็น “ตั๋ว” สำหรับการเข้าไปสู่ “ประวิตร Club”

การอภิปรายของรังสิมันต์ คือ การทำหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐมนตรี ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นหลักสำคัญของระบบรัฐสภา นอกจากนี้การอภิปรายของรังสิมันต์ถือเป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตย

จึงเห็นได้ชัดว่าการฟ้องหมิ่นประมาทของมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดต่อรังสิมันต์ในครั้งนี้ ถือเป็นการ #ฟ้องปิดปาก (SLAPP) เพิ่มภาระการต่อสู้คดีให้กับผู้วิพากษ์วิจารณ์ เพี่อมุ่งให้หยุดการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน

Advertisement

ผมรู้จักรังสิมันต์มานานแล้วตั้งแต่สมัยเขาเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผมยังเป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่นั่น เห็นเขามาตั้งแต่เป็นนักศึกษา เป็นนักกิจกรรมต่อต้านรัฐประหาร 2557 รณรงค์เรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน จนต้องเข้าคุก และมีคดีติดตัวหลายคดี จนวันนี้ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนให้เป็นผู้แทนของพวกเขา

ไม่ว่ารังสิมันต์จะเปลี่ยนบทบาทสถานะอย่างไร แต่ความตั้งใจมุ่งมั่นและความกล้าหาญของเขาในการเผชิญหน้ากับความอยุติธรรม ยังคงเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

ชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ เป็น “ของร้อน” ที่สุดในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา กว่าจะได้ยืนยันว่ามีชื่อ พล.อ.ประวิตร อยู่ในกลุ่มรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายด้วย เราต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ระหว่างทางก็เจอการกดดันจากหลายทิศทาง และด้วยอำนาจอิทธิพลของ พล.อ.ประวิตร ส.ส. คนไหนที่จะอภิปราย ก็คงต้องรับภาระหนักอย่างแน่นอน

ผมถามรังสิมันต์ว่าพร้อมรับความเสี่ยงไหม? เขายืนยันหนักแน่นว่าพร้อม

ผมเห็นเขาทำงาน เตรียมข้อมูล ซ้อมอภิปรายอย่างหนัก ก็อยากเห็นเขาแสดงบทบาท “ผู้แทนราษฎร” อภิปราย “กล่องดวงใจ” ของระบอบ คสช. เพื่อประโยชน์ของประชาชน ให้ประชาชนได้เห็นว่า ระบอบ คสช. นี้ ดำรงอยู่ได้ด้วยอะไร

จนมาถึงวันสุดท้าย เขากลับไม่มีโอกาสอภิปราย แม้กระทั่งขอชี้แจงเหตุผล ขอเวลา ประธานในที่ประชุมก็ยังไม่ให้โอกาส

อาจมีใครหลายคนกระหยิ่มยิ้มย่องดีใจว่าทำภารกิจสำเร็จ save “กล่องดวงใจ” ของระบอบ คสช. ได้ แต่ความดีใจโล่งใจนั้น แลกมากับการที่ประชาชนไม่ได้โอกาสฟังอภิปรายเปิดเผยเครือข่าย พล.อ.ประวิตร

ดังนั้น เพื่อมิให้ประชาชนเสียโอกาสนี้ และเพื่อมิให้ผู้ที่สมรู้ร่วมคิดในโครงการ “save ประวิตรจากการถูกอภิปราย” ทำสำเร็จ รังสิมันต์จึงเอาตนเองเข้าเสี่ยง อภิปรายนอกสภาที่จุดแถลงข่าว

ใครที่ติดตามการเมืองไทย คงทราบดีว่าการอภิปรายนอกสภา ผู้อภิปรายเสี่ยงที่จะถูกฟ้องมากกว่า เพราะไม่มีเอกสิทธิ์ความคุ้มกันได้มากเท่ากับการอภิปรายในสภา แต่รังสิมันต์ยืนยันกับผมว่า “เขาพร้อม”

เขาบอกว่า หลังจากเขาออกมาต่อต้านเผด็จการ คสช. จนเข้าคุกมาหลายครั้ง มีหลายคดีติดตัว นั่นทำให้เขาผ่านพ้นความกลัวมาหมดแล้ว

สื่อมวลชนหลายสำนักปฏิบัติหน้าที่ของสื่อที่ดี ถ่ายทอดไลฟ์ผ่านทางเพจเฟสบุคจนจบ ประชาชนเข้ามาดูจำนวนมาก และยังมีสื่อที่กล้าหาญ เชิญรังสิมันต์ไปสัมภาษณ์ต่อในรายการ

เป็นไปดังคาด รังสิมันต์ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษในความผิดฐานหมิ่นประมาท

ประเทศนี้ ใครที่อยากมีอำนาจ ครองอำนาจ ใช้อำนาจ แต่ไม่อยากถูกวิจารณ์ ไม่อยากถูกตรวจสอบ ก็มักเอา “กฎหมายหมิ่นประมาท” มาเป็นอาวุธปักหลังคนอื่น

ผมขอให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศนี้ ร่วมกันให้กำลังใจสนับสนุน รังสิมันต์ โรม ผู้แทนราษฎร ที่ปฏิบัติหน้าที่ “ผู้แทน” ของพวกท่านได้อย่างกล้าหาญ

ในอุปรากรเรื่อง Mariage de Figaro มีตอนหนึ่ง Figaro กล่าวว่า “ปราศจากเสรีภาพในการตำหนิติเตียน ก็ไม่มีซึ่งคำสรรเสริญเยินยอ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image