เมื่อวันที่ 4 เมษายน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย(พท.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ควรจะฉุกเฉินทั้ง พ.ร.ก.
ไม่ใช่เฉพาะ พ. อย่างเดียว
พ. คือพวกเราประชาชน ที่ตอนนี้กว่า 90% อยู่ในระเบียบวินัยกันหมดแล้ว ปฏิบัติตัวตาม พรก.ฉุกเฉิน อยู่กับบ้านตามข้อกำหนดของทางราชการ
โดยพวกเราทุกคน มีความหวังว่า #สิ้นเมษายาแรงต้องจบ ประเทศไทยต้องชนะ ทุกคนควรออกไปใช้ชีวิตทำงานหาเงินกันได้ตามปกติ
ร. คือรัฐบาล ที่ควรเร่งทำงาน และทำให้เต็มที่ เมื่อนายกใช้ “ยาแรง” มาบังคับประชาชนแล้ว ต้องใช้ยาแรงกับพวกตัวเอง ให้ทำงานเต็มที่ด้วย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เป็นรัฐบาลอื่นเขาประชุมฉุกเฉินกันตั้งแต่เกิดเหตุแล้วค่ะ จะออนไลน์หรือเรียกประชุม ครม.ด่วนก็ได้ ไม่ควรใจเย็นรอให้ถึงเช้าค่อยเรียกประชุม กว่าจะตามกลับมาได้ครบ เชื้อกระจายไปกี่ทอดแล้ว แบบนี้พวกเราจะตายกันหมดค่ะ
ก. คือกลุ่มเสี่ยง ที่ยิ่งต้องเข้มงวด และปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยิ่งกว่าประชาชนทั่วไป
ถ้าเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลย ไม่ประสานงานกันให้ดี ปล่อยกลุ่มเสี่ยงกลับบ้านโดยไม่ต้องกักตัว ประชาชนอาจต้องอยู่บ้าน ระวังโรคกันต่อไปเป็นปี รัฐบาลก็จะขยายเวลาออกไปแบบนี้เรื่อยๆ ประเทศไทยจะไม่ชนะค่ะ
เมื่อประชาชนรวมทั้งฝ่ายค้าน ประกาศตัวร่วมมือกับรัฐบาลเต็มที่แล้ว ตัวนายกและ ครม.ก็ต้องเต็มที่ด้วยค่ะ
ถ้ารัฐบาลเอาแต่ #หวดหมอหวดประชาชนไม่หวดตัวเอง
ปล่อยให้มีการกักตุนหน้ากากได้, ส่งออกได้, หาผลประโยชน์บนความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ โดยไม่มีใครถูกจับมาลงโทษเลย
หรือแม้กระทั่งเรื่อง่ายๆ คือการสื่อสารให้ชัดเจน และกำกับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติตามระเบียบการ Quarantine แค่นี้ยังทำไม่ได้
ความศรัทธาจากกองเชียร์ ที่ร่อยหรอน้อยลงไปทุกที คงจะไม่มีเหลืออีกต่อไป
เข้มงวดหวดหมอ หวดประชาชนแล้ว ช่วยเข้มงวดหวดตัวเอง ยอมรับข้อบกพร่อง และแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นด้วยค่ะ
