ไม่ว่าบทบาทของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในการอาสานำของบริจาคไปมอบให้กับประชาชน ไม่ว่าบทบาทของ นายสุรยุทธ สุทัศนะจินดา ในการหวนกลับมาเป็นพิธีกร
1 ถือว่าเป็นบทบาทที่สร้างสรรค์ ถือว่าเป็นบทบาทอันเป็นคุณกับส่วนรวม
1 ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้บทบาทที่สร้างสรรค์นั้นไม่มอง เห็นเป็นประเด็นทางการเมือง หรือเป็นการช่วงชิงและหาเสียงในทางการเมือง
ขณะเดียวกัน 1 นี่คือการให้โอกาส นี่คือการสร้างพื้นที่อันกว้างขวางให้เห็นว่า ในท่ามกลางความทุกข์ร้อน วิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัส
การสร้างประชาสังคมอย่างสร้างสรรค์มีความจำเป็น
ต้องยอมรับว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คือพรรคเพื่อไทย เป้าหมาย คือการประกาศความพร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม. แต่เมื่อบ้านเมืองประสบวิกฤตก็พร้อมอาสาเป็นตัวกลาง
เป็นตัวกลางระหว่างนโยบายของประเทศกับประชาชน เป็นตัวกลางระหว่างประชาชนต่อประชาชน
ช่วยเหลือ เยียวยา ผ่อนเบาสถานการณ์ความตึงเครียด
ต้องยอมรับว่า นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ประสบชะตากรรมเนื่องจากการปฏิบัติงาน คำพิพากษาอาจทำให้เขาหมดบท บาทอันเป็นความถนัดอย่างยิ่งไปชั่วคราว
แต่ด้วยการเล็งเห็นความสามารถของกระทรวงยุติธรรมจึงทำให้ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้นำเอาความสามารถมาเป็น ตัวกลางเชื่อมร้อยและสร้างความเข้าใจที่ดี
กรณีของ”ชัชชาติ+สรยุทธ”ให้”บทเรียน”อะไร
บทเรียนที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือ ในยามวิกฤตมีความจำเป็นเป็นอย่างสูงในการร่วมมือ ร่วมใจกันฝ่าฝัน ใครมีแรงออกแรง ใครมีเงินออกเงิน
แต่ความร่วมมือร่วมใจนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานแห่งความเคารพต่อกันและกัน
นั่นก็คือบนฐานแห่งประชาธิปไตยไม่ใช่เผด็จการ
นั่นก็คือในสังคมสามารถแสดงความเห็นต่างอันจะนำไปสู่การประมวลมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ
การใช้พลัง”ประชาสังคม”จึงสำคัญอย่างสูงในยาม”วิกฤต”