11 จังหวัดยังเหนียวไร้ติดเชื้อ ขณะกทม.แนวโน้วลดลง ต่างจังหวัดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

โฆษก ศบค. แถลง พบป่วยใหม่ 51 ราย เสียชีวิต 3 อายุน้อยสุด 28 ปี  ต่างจังหวัดแนวโน้มติดเชื้อสูงขึ้น

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 6 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงว่า สถานการณ์ทั่วโลก ปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อ 1,271,999 ราย อาการหนัก 45,614 ราย รักษาหายแล้ว 261,424 ราย และเสียชีวิต 69,405 ราย โดยสหรัฐอเมริกายังเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้ออันดับ 1 ของโลก มีผู้ติดเชื้อ 336,327 ราย เสียชีวิต 9,605 ราย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ตามมาด้วยสเปน อิตาลี และเยอรมนี

สำหรับประเทศไทยพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้น 51 ราย กระจายตัวอยู่ใน 66 จังหวัด ยอดผู้ป่วยสะสม 2,220 ราย มีผู้ป่วยที่หายแล้ว 793 ราย โดยเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 3 ราย รวม 26 รายสำหรับผู้เสียชีวิตรายที่ 24 เป็นผู้ป่วยชายไทยอายุ 28 ปี อาชีพพนักงานบริษัทในกทม. มีประวัติว่าเพื่อนร่วมงานของภรรยาติดเชื้อโควิด-19 เริ่มป่วยในวันที่ 27 มีนาคม ด้วยอาการไข้ไอเจ็บคอ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่ออาการไม่ดีขึ้นจึงย้ายไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่จ.สมุทรปราการ มีไข้สูง 39.2 องศาเซลเซียส พร้อมกับตรวจพบว่าออกซิเจนในเลือดลดลง ก่อนย้ายมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกทม. และตรวจพบว่าติดเชื้อในวันที่ 4 เมษายน และเสียชีวิตวันเดียวกันในเวลา 22.00 น.

รายที่ 25 ผู้ป่วยชายไทยอายุ 51 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว มีโรคประจำตัวคือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และภาวะอ้วน เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 28 มีนาคม และไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกทม. แรกรับมีอาการไอ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศรีษะ และหนาวสั่น วันที่ 29 มีนาคม รับการรักษาอีกครั้งหนึ่ง ต่อมาวันที่ 1 เมษายนมารักษาที่โรงพยาบาลเดิมก่อนเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล พบว่าออกซิเจนในเลือดลดลง และปอดอักเสบรุนแรง ตรวจพบว่าติดเชื้อในวันที่ 2 เมษายน และเสียชีวิตในวันที่ 4 เมษายน รายที่ 26 ผู้ป่วยหญิงอายุ 59 ปี อาชีพค้าขาย มีโรคประจำตัวคือ เบาหวาน ซึ่งก่อนหน้านี้ไปเล่นการพนันในหลายแห่งที่กทม. เริ่มมีอาการป่วยวันที่ 29 มีนาคม ต่อมาวันที่ 1 เมษายนเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกทม. แรกรับไม่มีอาการไข้ แต่หายใจหอบเหนื่อย และออกซิเจนในเลือดลงลด เมื่อเอ็กซเรย์พบว่า ปอดอักเสบรุนแรง ก่อนตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 และเสียชีวิตในวันที่ 2 เมษายน ในสามรายนี้มีอายุต่ำกว่า 60 ปีทั้งสิ้น ฉะนั้นทุกอย่างเป็นความเสี่ยง

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จากการสอบสวนโรคในจำนวนผู้ป่วยใหม่ 51 ราย พบว่า ในกลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน หรือสถานที่ที่พบกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ มีจำนวน 25 ราย แบ่งเป็น พิธีกรรมทางศาสนา 3 ราย และสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้ 22 ราย และกลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ มีจำนวน 19 ราย แบ่งเป็น คนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 1 ราย คนต่างชาติเดินทางมากจากต่างประเทศ 1 ราย สัมผัสผู้เดินทางจากต่างประเทศ 1 ราย อาชีพเสี่ยง 3 ราย บุคลาการด้านการแพทย์และสาธารณสุข 13 ราย ซึ่งพบเป็นบุคลากรในโรงพยาบาลเอกชน 11 ราย ติดเชื้อจากการดูแลผู้ป่วย และมีกิจกรรมร่วมกัน เช่น รับประทานอาหาร ทั้งนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 7 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 51 ราย กระจายตัวอยู่ที่ กทม. 27 ราย นนทบุรี, ภูเก็ต จังหวัดละ 4 ราย ชลบุรี 3 ราย สมุทรปราการ, ยะลา, สุราษฎร์ธานี, พัทลุง จังหวัดละ 2 ราย ปัตตานี, ปทุมธานี, อุบลราชธานี, นราธิวาส, สระแก้ว จังหวัดละ 1 ราย

Advertisement

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จากสถิติผู้ป่วยสะสมยืนยันทั่วประเทศ 2,220 ราย กระจายอยู่ใน 66 จังหวัด พบผู้ป่วยใน กทม. 1,051 ราย นนทบุรี 143 ราย ภูเก็ต 135 ราย สมุทรปราการ 103 ราย ชลบุรี 66 ราย ยะลา 54 ราย ปัตตานี 46 ราย เชียงใหม่ 37 ราย สงขลา 37 ราย ปทุมธานี 28 ราย และอยู่ระหว่างการสอบสวนอีก 173 ราย อย่างไรก็ตามมี 11 จังหวัดที่ไม่มีการรายงานผู้ติดเชื้อ คือ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พังงา พิจิตร ระนอง สตูล สิงห์บุรี และอ่างทอง ด้านจำนวนผู้ป่วยยืนยันตามปัจจัยเสี่ยง แบ่งเป็นสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้ ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 11-15 รวม 665 ราย ส่วนกลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศจนทำให้เกิดการติดเชื้ออยู่ที่ 195 ราย ด้วยเหตุนี้เราจึงต้อง State Quarantine ทั้งนี้รายการการติดเชื้อภายในประเทศใน 7 วันล่าสุดพบว่า กทม.มีแนวโน้วลดลง แต่ต่างจังหวัดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image