ปธ.รองปธ.วุฒิฯ-บิ๊กฉัตร เคาะ ขอหักเงินส.ว. เดือนเม.ย.ขั้นต่ำคนละ 5หมื่น ตั้งกองทุนช่วยโควิด-19
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้ทำหนังสือถึงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ทุกคน โดยระบุว่า ตามที่เกิดสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วประเทศเพื่อให้ส.ว.ได้มีบทบาท และมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ดังกล่าวของประเทศ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้ประชุมหารือร่วมกับ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 และ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา หรือ วิปวุฒิสภา มีความเห็นว่า สมาชิกส.ว.ทุกคนควรมีบทบาทร่วมกันในนามของวุฒิสภาเพื่อที่จะหนทางช่วยกันคลี่คลาย และแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ดังกล่าววของประเทศ โดยจะได้ขอความร่วมมือจากสมาชิกส.ว.ทุกคน ร่วมกันบริจาคเงินขั้นต่ำ จำนวนคนละ 50,000 บาท เพื่อเป็นกองทุนบรรเทาทุกข์ของประชาชนในนามของวุฒิสภา โดยจะมีการหักเงินจำนวนดังกล่าวจากเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งประจำเดือนเมษายน 2563 นี้ ส่วนการดำเนินการเกี่ยวกับเงินบริจาคจะได้ตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาในรายละเอียดตามความเหมาะสมต่อไป โดยมอบหมายให้เลขาธิการวุฒิสภา ชี้แจงรายละเอียดกับประธานกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภาทุกคณะ เพื่อแจ้งให้สมาชิกส.ว.ในแต่ละคณะกรรมาธิการทราบต่อไป
ทั้งนี้ มีส.ว.บางส่วน นำโดย นายสมชาย แสวงการ ส.ว. เสนอให้บริจาคคนละ 1 แสนบาท โดยแบ่ง งวดแรก เป็นเงินตกเบิก 40,000 บาทของสมาชิกทุกคน และงวดอีก 6 งวด งวดละ 10,000 บาท ตั้งแต่เดือนเมษายน – กันยายน เพื่อให้ยอดรวมถึงยอด 25 ล้านบาท มากกว่า แบบแรกตามที่ประธานวุฒิสภา กับ รองประธานวุฒิสภาทั้ง 2 คน รวมไปถึง พล.อ.ฉัตรชัยถึง 12.5 ล้าน โดยมี ส.ว.ลงชื่อสนับสนุนแนวทางที่นายสมชาย เสนอกว่า 50 คน อาทิ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย พล.อ.นพดล อินทปัญญา นายตวง อันทะไชย นายวัลลภ ตั้งคณานุรักษ์ นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม เป็นต้น ทำให้ส.ว.บางรายสับสนว่า จะบริจาคเท่าไหร่กันแน่ จนกระทั่งได้ข้อสรุปร่วมกันว่า จะใช้โมเดลการบริจาคตามที่สำนักเลขาธิการวุฒิสภาได้ทำหนังสือถึงสมาชิก โดยความเห็นร่วมของประธานฯที่ได้ขอความร่วมมือจากสมาชิกส.ว.ทุกคน ร่วมกันบริจาคเงินขั้นต่ำ จำนวนคนละ 50,000 บาท หากสมาชิกคนใดอยากจะบริจาคเพิ่มให้เป็นเรื่องส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม สำหรับคณะทำงานที่จะถูกต้องขึ้นนั้น จะทำหน้าที่พิจารณากันอีกครั้งว่า จะนำเงินบริจาคนี้ไว้ในส่วนใด สนับสนุนโรงพยาบาลอะไรบ้าง รวมไปถึงพิจารณาสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีของสมาชิกด้วย
