หน.ทีมเศรษฐกิจ พรรคก้าวไกล แนะวิธีใช้เงิน พ.ร.ก.กู้เงิน ให้เกิดประโยชน์

‘พรรคก้าวไกล’ แนะการใช้เงิน พ.ร.ก.กู้เงิน ให้เกิดประโยชน์   จี้รัฐบาลทบทวนร่างงบ 64

เมื่อวันที่ 8 เมษายน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (7 เมษายน) มีมติ ครม.อนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงิน ตอนนี้เรายังเห็นแค่ภาพรวม ในส่วนของมาตรการด้านสาธารณสุขและเยียวยาประชาชน 600,000 ล้านบาท ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะจัดสรรเพื่อสาธารณสุขจำนวนเท่าไหร่ และมาตรการเยียวยาประชาชนเท่าไหร่ นอกจากต่ออายุมาตรการเดิม ทั้งนี้มาตรการเยียวยาประชาชน มีการขยายเวลาการช่วยเหลือรายได้ 5,000 บาท ออกไป 3 เดือน เป็น 6 เดือน เพื่อดูแลแรงงานนอกระบบ แต่ว่าน่าเสียดายที่ครอบคลุมคนเพียงแค่ 8 ล้านคน ลดลงจากเดิม 1 ล้านคน ตามที่เคยมีมติ ครม.ในสัปดาห์ที่แล้ว และยังมีกลุ่มอื่นๆ ที่ควรได้รับการช่วยเหลือ โดยเฉพาะแรงงานในระบบที่ยังไม่ถูกเลิกจ้างและไม่ได้ว่างงาน ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ขยายวงกว้างทำให้แรงงานได้รายได้ลดลงจากการถูกตัดชั่วโมงทำงาน ลดเงินเดือน และถูกบังคับให้หยุดงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง หรือ leave without pay ทุกวันนี้มีเพียงการจ่ายเงินชดเชยให้เฉพาะคนที่ว่างงาน ถูกพักงานเพื่อกักตัว หรือเลิกจ้าง ซึ่งเป็นกลไกปกติที่มีอยู่แล้วของระบบประกันสังคม และยังใช้เงินจากกองทุนประกันสังคมมาจ่าย ไม่ได้มีการเติมเงินจากงบประมาณรัฐแต่อย่างใด ปลายปีที่แล้วกองทุนว่างงานนั้นมีเม็ดเงินอยู่เกือบ 170,000 ล้านบาท

ทั้งนี้สิ่งที่พรรคก้าวไกลอยากเห็นอยากเห็นคือการใช้เม็ดเงินที่ใช้ในการพยุงการจ้างงาน รัฐบาลช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถยังจ้างงานได้ต่อ หลายประเทศรัฐจ่ายเงินสมทบค่าจ้างให้ 75%-80% แต่ไม่เกินจำนวนหนึ่ง เพื่อให้คงการจ้างงานไว้ รัฐบาลเองก็เคยมีไอเดียที่ดีคือการนำค่าจ้างเงินเดือน มาลดหย่อนภาษีได้ 3 เท่า แต่ต้องคงการจ้างงานไว้ในอัตราเดิม แต่มาตรการไม่เคยนำมาประกาศใช้จริง จึงขอให้ทบทวนมาตรการนี้อีกครั้ง

น.ส.ศิริกัญญากล่าวอีกว่า ในส่วนของด้านมาตรการด้านสาธารณสุข เราเห็นว่ามีความเร่งด่วน 3 เรื่อง คือ การตรวจ การรักษา และการอำนวยความสะดวกในการกักตัว ดังนั้นเราคาดหวังว่าจะเห็นการลงทุนในเครื่องตรวจผู้ติดเชื้อ เพื่อตรวจให้ครอบคลุมที่สุด ส่วนการรักษา ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยาและเวชภัณฑ์ โดยเฉพาะอุปกรณ์สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก เช่น เครื่องช่วยหายใจ และห้องแรงดันติดลบ และสุดท้ายคือการจัดเตรียมสถานที่สำหรับการกักตัวสำหรับผู้มีความเสี่ยง ขอให้รัฐบาลให้ความชัดเจนว่าจะนำงบประมาณส่วนนี้ไปลงทุนเพิ่มได้เป็นจำนวนเท่าไหร่ ส่วนงบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 400,000 ล้านนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกมาบอกเองว่ายังไม่มีรายละเอียด รอหน่วยราชการเสนอแผนขึ้นมา ซึ่งมีความเสี่ยงจะเป็นงบแบบเบี้ยหัวแตกแบบที่เคยเป็นมาอย่างกรณีโครงการไทยนิยมยั่งยืน ที่ไม่เกิดความคุ้มค่าสูงสุด ยิ่งถ้ายังไม่มีแผนที่ชัดเจน เกรงว่าจะสูญเปล่า

พรรคก้าวไกลจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลชะลอแผนส่วนนี้ไปก่อน และนำแผนการฟื้นฟูและกระตุ้นทั้งหมดไปพิจารณารวมกับงบประมาณ 2564 ด้วยเหตุผลสำคัญ 3 ประการ คือ เวลานี้ไม่ใช่เวลาของการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากสถานการณ์ โควิด-19 เราไม่แน่ใจว่าจะสามารถเบิกงบไปลงทุนสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างไร ตอนนี้สิ่งสำคัญคือการประคองชีวิตคนไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจ การคาดการณ์ของหลายสำนักบอกว่าวิกฤตจะเริ่มคลี่คลายอย่างเร็วคือหลังไตรมาส 3 ปีนี้ ดังนั้น ถ้าอยากฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจควรออกเป็นพ.ร.บ.ตามมา หรือรองบประมาณปี 2564 ก็ยังทัน สองคือ ต้องเกลี่ยก่อนกู้ เพราะยังไม่มีความชัดเจนเรื่องกฎหมายโอนงบ 2563 รัฐบาลบอกว่าจะรีวิวงบประมาณ 2563 ใหม่มา 2-3 อาทิตย์แล้ว แต่จนถึงวันนี้ยังไม่เห็นร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณ ว่าเป็นเม็ดเงินที่แน่นอนเท่าไหร่ โอนจากหน่วยงานใดบ้าง และยังไม่มีกำหนดเวลาว่าเมื่อไหร่ที่รัฐบาลจะส่งกฎหมายการโอนงบประมาณให้สภาพิจารณา และ 3.จากที่เห็นกรอบงบประมาณ 2564 และแผนการใช้เงินก้อนนี้แล้ว เรายังไม่เห็นการทบทวนการใช้งบประมาณที่สอดคล้องกับสถานการณ์ รัฐบาลควรถือโอกาสนี้กลับไปทบทวนจัดลำดับความสำคัญ ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป ถ้าจัดใหม่ดี ๆ เราจะมีงบประมาณในการฟื้นฟูประเทศไม่ใช่แค่ 4 แสนล้านบาท แต่จะบวกเพิ่มไปอีก 1.2 ล้านล้านบาท

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image