‘ธีรัจชัย’ชี้ จัดการแหม่มโพธิ์ดำเท่ากับปิดปากปชช. ท้าพาณิชย์เปิดเผยข้อมูลให้ตรวจสอบ

‘ธีรัจชัย’ เผย ตร.จัดการแหม่มโพธิ์ดำเท่ากับปิดปากปชช. ท้า ก.พาณิชย์ เปิดเผยข้อมูลให้ตรวจสอบ

 

เมื่อวันที่ 10 เมษายน นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการคณะที่ 2 ในคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้ดำเนินการเข้ามาตรวจสอบการกักตุนหน้ากากอนามัย กล่าวถึงกรณีที่รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงข่าวจะดำเนินคดีกับเพจแหม่มโพธิ์ดำที่ออกมาตรวจสอบกระบวนการกักตุนหน้ากากเป็นรายแรกว่า ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่อย่างแข็งขัน ที่จะดำเนินคดีกับผู้กักตุนหน้ากากอนามัย เพียงแต่การทำหน้าที่ในคดีนี้ในเรื่อง การจะสืบสวนไปในทางจะดำเนินคดีกับ ผู้เกี่ยวข้องกับเพจแหม่มโพธิ์ดำ ดูเหมือนจะผิดที่ผิดทางไปพอสมควร เพราะการที่แหม่มโพธ์ดำในฐานะสื่อสาธารณะ ออกมาตั้งข้อสงสัยและตรวจสอบการกักตุนหน้ากากในช่วงที่หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าจำเป็นในประเทศไทย เพื่อประโยชน์ของประชาชน เป็นอุปกรณ์ป้องกีนไม่ให้ติดโรคร้าย แต่ถูกบุคคลบางกลุ่มมีพฤติกรรมนำไปหาผลประโยชน์ในช่วงวิกฤต อีกทั้งข้อมูลที่แหม่มโพธิ์ดำได้นำมาตีแผ่ให้ประชาชนได้รับทราบก็สอดคล้องกับ การแจ้งความเอาผิดกับนายศรสุวีร์ หรือเสี่ยบอยที่โพสต์เฟซบุ๊กอ้างว่ามีหน้ากาก 200 ล้านชิ้น ก่อนขยายผลมาสู่การจับกุมนายพันธ์ยศได้พร้อมของกลาง ซึ่งก็เป็นผลมาจากโพสต์ของเสี่ยบอยที่เพจแหม่มโพธิ์ดำเอามาเผยแพร่ แสดงว่าโพสต์ดังกล่าวเป็นหลักฐานที่นำไปสู่การจับกุมผู้กระทำความผิด แล้วจะมาดำเนินคดี กับผู้ที่ชี้เบาะแสได้อย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าการตีความทางกฎหมายถูกนำมาใช้คลาดเคลื่อนในการที่จะหาคนผิดที่แท้จริงมาลงโทษหรือไม่ และอาจเป็นการปิดปากประชาชน ในการแสดงความเห็นที่เป็นประโยชน์ ต่อการบริหารราชการในช่วงการใช้อำนาจพ.ร.ก.ฉุกเฉินในช่วงเวลานี้ควรพิจารณาดีๆ มิฉะนั้นจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี และไม่สามารถหาคนผิดที่แท้จริงมาลงโทษได้ โดยที่ตัวการใหญ่ เช่นฝ่ายราชการและฝ่ายการเมืองฯลฯ ที่เกี่ยวข้องอาจหลุดพ้นไปได้ อย่างเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต

นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า เท่าที่ทราบสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคดีเกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัยอยู่ทั้งหมด 96 คดี คดีเหล่านี้ถือเป็นคดีใหญ่และสังคมให้ความสนใจเนื่องจากเป็นการค้ากำไรบนความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ซึ่งคดีเหล่านี้ทางปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้เข้าไปตั้งคนของกระทรวงไปตรวจสอบและสอบสวนด้วยตนเอง แต่ไม่มีการสืบหาความจริงไปยังต้นตอการผลิต ผู้อยู่เบื้องหลังกระบวนการนี้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ควรถูกตรวจสอบ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาเวลาไปสืบหาความจริง และสาวให้ถึงผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงในกระบวนการดังกล่าวได้จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากกว่า

ทั้งนี้นายธีรัจชัยกล่าวว่า ทางกรรมาธิการ ป.ป.ช.ได้ส่งเอกสารขอข้อมูลการผลิต ราคาต้นทุนวัตถุดิบ ปริมาณการนำเข้าและส่งออกไปยังกระทรวงพาณิชย์แล้ว แต่ยังไม่มีคำตอบใดๆ จึงฝากเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกระทรวงพาณิชย์ว่าหากมั่นใจว่าสายพานการผลิตหน้ากากอนามัยโปร่งใสจริง ควรเร่งยื่นข้อมูลทั้งหมดมายังกมธ ป.ป.ช.เพื่อเปิดเผยต่อประชาชนต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image