ปฎิกิริยาอันมาจากโครงการ”เราไม่ทิ้งกัน”ในขณะนี้ คือ สัญญาณ เตือนอย่างมีนัยสำคัญต่อทุกมาตรการอย่างที่เรียกว่า”หลัง”สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส
นั่นก็คือ การบริหาร”ความรู้สึก”ของประชาชนซึ่งมากด้วยความละเอียดอ่อนและล่อแหลม
เนื่องจากพัวพันกับปริมาณที่มากกว่า 20 ล้านคน
ภายใน 20 กว่าคนอันประกอบไปด้วยคนตกงานนี้มีทั้งที่อยู่ในเครือข่ายประกันสังคมและนอกเครือข่ายประกันสังคม ทั้งที่เป็นแรงงานในเมืองและแรงงานในชนบท
ปัญหาต้องเกิดขึ้นแน่นอน เพราะมีทั้งผู้ที่ได้ 5,000 บาทและผู้ที่ไม่ได้ 5,000 บาท
เมื่อได้ก็พอใจ เมื่อไม่ได้ก็ย่อมไม่พอใจและมีปฏิกิริยา
ผลได้ที่ตรงเป้าอย่างที่สุดจากโครงการ”เราไม่ทิ้งกัน” คือความเป็น จริงที่ความเดือดร้อนเกิดขึ้นและดำรงอยู่อย่างที่สำนวนไทยสรุปไว้อย่างยาวนานว่า “ทุกหย่อมย่าน”
ความเป็นจริงย่อมจะเป็นฐานข้อมูลอย่างสำคัญที่จะเป็นปัจจัยในการกำหนดมาตรการขั้นต่อไป
เพราะผลสะเทือนในทาง”เศรษฐกิจ”จะต้องตามมาแน่นอน
ที่สำคัญเป็นอย่างมากไม่ได้อยู่ที่เศรษฐกิจในระบบอันมีกฎกติกาอย่างค่อนข้างแน่นอน หากแต่อยู่ที่เศรษฐกิจนอกระบบที่ไม่ ได้อยู่ในการสำรวจ ไม่ได้รับการเหลียวแล
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการบริหาร ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่เรียกว่ากลุ่มสีเทา ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย กรณีของไวรัสทำให้ปรากฏขึ้นอย่างกว้างขวาง
รัฐบาลจะมีท่าทีอย่างไรต่อธุรกิจ”นอกระบบ”เหล่านี้
จากปฏิกิริยาที่ปรากฏผ่านโครงการ”เราจะไม่ทิ้งกัน”ได้นำไปสู่การ วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง สิ่งหนึ่งซึ่งสัมผัสได้คือความไม่พร้อมอย่างเพียงพอในเรื่องของ”เทคโนโลยี”
ภาวะเพจล่มตั้งแต่วันแรกคือเครื่องฟ้องอย่างเด่นชัดยิ่ง
ภายหลังจากเข้าสู่ระบบคัดกรองก็ก่อให้เกิดความสงสัยอย่างกว้างขวางในเรื่องการใช้ปัญญาประดิษฐ์ เอไอ ในการเข้ามา ช่วยว่าเป็นปัญญาประดิษฐ์อย่างแท้จริงหรือเสมอเป็นเพียงการอ้างโดยมิได้มีเทคโนโลยีรองรับอย่างเป็นจริง
เหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณ ล้วนเป็นเครื่องเตือนไปยังแผนงาน และโครงการอื่นอย่างทรงความหมายยิ่งทางการปฏิบัติ