กกต.เปิดคำวินิจฉัยฟ้องอาญา ‘ธนาธร’ อึ้ง ยังเหลือถือหุ้นสื่ออีก 13 บริษัทเครือไทยซัมมิท

เปิดคำวินิจฉัย กกต.ฟ้องคดีอาญา ‘ธนาธร’ ผิด พ.ร.ป.เลือกตั้ง  ม.151 ปมถือหุ้นสื่อ เผยยังเหลือประเด็นถือหุ้น 13 บริษัทเครือไทยซัมมิท  รอผลคำวินิจฉัย ศาล รธน. ก่อน

 

เมื่อวันที่ 14 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. เรื่องการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งก่อนและหลังประกาศผลการเลือกตั้ง กกต.ได้รับคำร้องว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กระทำการอันฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98(3) และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.พ.ศ.2560 มาตรา 151 ประกอบมาตรา 42(3) กรณีนายธนาธรเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ได้รับเลือกตั้ง หรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อของตนเองเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ

ทั้งนี้ กกต.พิจารณารายงานการไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้วได้ความว่า ในประเด็นที่ 1 และ 2 นายธนาธรถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด และประเด็นที่ 3 นายธนาธรถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นใน 13 บริษัทในเครือไทยซัมมิท

ประกอบด้วย บริษัท ไทยซัมมิท โอโตโมทีฟ จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท โอโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท พลาสเทค จำกัด, บริษัท จึงพัฒนาโฮลดิ้ง จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท เชป คอร์ป จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท ฮาร์เนส จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยซัมมิท บ้านโพธิ์ จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท โกลด์ เพรส จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท โอโตเพรส จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท พีเค ระยอง โอโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท พีเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท พีเคเค จำกัด และบริษัท ไทยซัมมิท พีเคเค เอนจิเนียริง จำกัด จึงเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.

Advertisement

ทั้งนี้ ในระหว่างการไต่สวนศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยว่านายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบกิจการสื่อมวลชนอยู่ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งเป็นวันที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ มีผลให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายธนาธรสิ้นสุดลงนั้น ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่านายธนาธรรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อของตนเอง เพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.พ.ศ.2560 มาตรา 151 ประกอบมาตรา 42(3) ตามคำร้อง จึงสั่งให้ยุติการไต่สวน และให้ดำเนินคดีอาญาแก่นายธนาธร พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.พ.ศ.2560 มาตรา 151 ประกอบมาตรา 42(3) ในประเด็นที่ 1 ส่วนประเด็นที่ 2 และ 3 ให้รอผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวข้องก่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image