เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กความว่า…
…ข้อห่วงใยต่อสิทธิการรักษาพยาบาลของผู้ป่วยในร่าง รธน. ฉบับที่กำลังจะลงประชามติ
ในรัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๔๐ มาตรา ๕๒ ระบุว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับบริการทางสาธารณสุขที่ได้มาตรฐาน” และ ของรัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๕๐ มาตรา ๕๑ ระบุว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับบริการทางสาธารณสุขที่เหมาะสมและได้มาตรฐาน”
แต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๕๙ ที่กำลังจะให้ลงประชามตินี้ระบุไว้ในมาตรา ๔๗ แต่เพียงว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ” โดยไม่มีคำว่า “เสมอกัน” และ “ได้มาตรฐาน”
…
ถึงแม้รัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๔๐ ฉบับปี ๒๕๕๐ และร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๕๙ มีเนื้อหาคล้ายคลึงกันว่า “ผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับการบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายกำหนด” แต่ในเมื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๕๙ ใช้คำว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ” โดยตัดคำว่า “เสมอกัน” และ “ได้มาตรฐาน” ออกไป หมายความว่าผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่อาจทำให้การบริการสาธารณสุขของรัฐมีมาตรฐานแตกต่างกันระหว่างคนมีเงินกับคนที่ไม่มีเงิน เพราะไม่ใช่เป็น “สิทธิที่เสมอกันสำหรับคนไทยทุกคนที่จะได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐที่ได้มาตรฐาน” ตามนัยของรัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐/๒๕๕๐
ดิฉันเห็นว่าประเด็นนี้คือสาระสำคัญของความแตกต่างระหว่างร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๕๙ กับรัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๔๐ และปี ๒๕๕๐ ซึ่งสะท้อนให้เห็นรากฐานความคิดทางประชาธิปไตยเรื่อง “สิทธิที่เกิดเป็นมนุษย์” หรือ “สิทธิมนุษยชน” ที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญของผู้ร่างรัฐธรรมนูญ
แต่ขณะที่โรคภัยไข้เจ็บคือสิ่งที่ “ตัดรอนชีวิต” จึงเป็นพันธะของรัฐที่ต้องสร้างหลักประกันเพื่อให้ประชาชนทุกคน “มีสิทธิที่เสมอกันในการได้รับบริการสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานเท่าเทียมกันจากรัฐ”
แม้เป็นผู้ยากไร้เพียงใด รัฐก็ต้องให้หลักประกันพื้นฐานว่าคนไทยจะได้รับการรักษาพยาบาลอย่างมีมาตรฐาน หรือมีคุณภาพเสมอกัน ซึ่งไม่มีในร่างรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๙ (แต่ในรัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ และ ๒๕๕๐ มี)
ซึ่งสิ่งนี้ก็คือปรัชญาหลักของโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาทรักษาทุกโรค)นั่นเอง
เมื่อตัดสาระสำคัญดังกล่าวออกไปจากรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ ดิฉันจึงมีความห่วงใย และขอตั้งคำถามว่า
1) อะไรจะเป็นหลักประกันว่า ต่อไปประชาชนในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาทรักษาทุกโรค) จะได้รับการรักษาพยาบาลที่ได้มาตรฐานเสมอกัน และไม่ทำให้เกิดรักษาพยาบาล ที่มีคุณภาพและมาตรฐานที่แตกต่างกัน ระหว่างคนมีเงินและไม่มีเงิน คือคนจนอาจต้องกลับไปได้รับการรักษาแบบ “บัตรอนาถา” เหมือนก่อนมีโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาทรักษาโรค) หรือไม่ ?
2) เพราะเหตุใดร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงต้องตัดคำว่า ได้มาตรฐานและเสมอกันออก ทั้งที่รัฐธรรมนูญ 2 ฉบับที่ผ่านมา ก็ใส่ไว้เป็นหลักประกันให้ประชาชนดีอยู่แล้ว ?
เมื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้อย่างละเอียดแล้ว ดิฉันยังไม่เห็นว่า มีบทบัญญัติใดที่จะทำให้บัตรทองมีคุณภาพการรักษาที่ดีขึ้นจริงอย่างที่มีการกล่าวอ้าง
จึงขอแสดงความคิดเห็น ด้วยความห่วงใยต่อผลกระทบที่เกิดกับผู้ป่วย ที่ต้องเข้ารับการรักษา ซึ่งเมื่อจะเกิดผลกระทบเช่นนี้
ดิฉันจึงขอใช้สิทธิส่วนตัว “ไม่เห็นชอบ” กับร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับลงประชามติ นี้ค่ะ