‘สภาประชาชน’ จี้รัฐตอบปม ยืมเงิน ‘ประกันสังคม’ ไปใช้จนขาดสภาพคล่องจริงหรือไม่

‘สภาประชาชน’ จี้รัฐตอบปม ยืมเงิน ‘ประกันสังคม’ ไปใช้จนขาดสภาพคล่องจริงหรือไม่

เมื่อวันที่ 20 เมษายน ‘สภาที่ 3’ หรือสภาประชาชน ซึ่งเป็นการรวมตัวของบุคคลต่างๆในหลากหลายภาคส่วนเพื่อหารือประโยชน์สาธารณะ ได้ออกแถลงการณ์
ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 โดยขอขอบคุณคณะแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกฝ่าย บุคลากรทางการแพทย์ทุกคน กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) ชมรมแพทย์ชนบท และเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนที่ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถในภาวะวิกฤต

นอกจากนี้ สภาที่ 3 เห็นด้วยที่รัฐบาลมีมาตรการเยียวยาประชาชนทุกระดับอย่างเสมอภาคถ้วนหน้ากัน รวมถึงการให้เงิน 5,000 บาท 3 เดือน แก่แรงงานนอกระบบที่ได้รับผลกระทบ ทั้งที่อยู่และที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม โดยเห็นว่ารัฐบาลต้องเยียวทุกฝ่ายอย่างเป็นธรรมทั้งระบบ ทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกอบการ ฯลฯ โดยมีมาตรการที่เหมาะสม

แถลงการณ์ดังกล่าวระบุด้วยว่า ขอให้รัฐบาลลดราคาน้ำมันลงอีก เนื่องจากราคาน้ำมันบ้านเรายังสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาก และรัฐบาลได้ลดการเก็บภาษีสรรพสามิตลงแล้ว ดังนั้นควรลดราคาขายแอลกอฮอล์ทำความสะอาดลงด้วย เนื่องจากบางหน่วยงานมีการประกาศขายเกินราคาไปมากซึ่งถือว่าเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค

นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลกำชับให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลสภาพคล่องภาคการเงินและเสถียรภาพตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด แต่เนื่องจาก ธปท.สามารถดำเนินการเช่นนี้ได้ตามกฎหมายปกติอยู่แล้วโดยไม่จำกัดวงเงิน และสามารถดำเนินการได้ตามที่ ธปท.เห็นควรโดยไม่ต้องมีการขอความเห็นชอบจากรัฐบาลแต่อย่างใด

Advertisement

ดังนั้นจึงขอให้รัฐบาลกำชับ ธปท.ให้ใช้กลไกตลาดเพื่อให้ผู้ออกตราสารหนี้จูงใจให้ผู้ออมเปลี่ยนจากเงินฝากมาซื้อตราสารหนี้อย่างเต็มที่ ด้วยผู้ออกตราสารเสนออัตราดอกเบี้ยต่อผู้ออมที่เหมาะสม หรือโดยให้ประโยชน์จูงใจอื่นแก่นักลงทุนให้พอเพียง แต่ ธปท.พึงจะต้องระมัดระวังความเสี่ยงของตนเองตามปกติ จึงไม่ควรเรียกร้องให้รัฐบาลจะต้องค้ำประกันหรือชดเชยความเสียหายแก่ ธปท. เพื่อมิให้ก่อภาระต่อลูกหลานไทยให้ต้องชำระหนี้ในอนาคต แต่รัฐบาลจะต้องสงวนเงินภาษีไว้ช่วยเหลือชาวบ้านซึ่งเดือดร้อนแสนสาหัสเท่านั้น

 

Advertisement

ในตอนท้าย สภาที่ 3 ขอให้รัฐบาลออกมาตรการให้กองทุนประกันสังคมสามารถจ่ายคืนเงินสะสมวัยชราที่นายจ้างหรือผู้ประกันตนต้องการใช้เงินก่อนวัยชราได้ในอัตราไม่เกิน 50% จากเงินสะสมที่จะได้รับในวัยชรา หากมีการร้องขอเพื่อใช้เงินของตนเองในสถานการณ์วิกฤตนี้ เนื่องจากเงินในจำนวนนี้มี 1.8 ล้านล้านบาท ซึ่งควรสามารถร้องขอเบิกเงินของตนเองได้ในภาวะวิกฤตินี้ เนื่องจากนี่เป็นเงินสะสมของเขาเองไม่ใช่เงินของรัฐบาล หากไม่มีกฎหมายรองรับ กระทรวงแรงงานสามารถพิจารณาเรื่องนี้ได้ในสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อออกมาตรการพิเศษ รวมถึงรัฐบาลควรมีมาตรการลดเงินสมทบประกันสังคมชั่วคราวในสถานการณ์วิกฤตไปอย่างน้อย 1 ปี

นอกจากนี้ รัฐบาลจะต้องตอบคำถามว่าได้ยืมเงินกองทุนประกันสังคมไปใช้จำนวนมากจนขาดสภาพคล่องจริงหรือไม่ และเพราะเหตุใดจึงจ่ายเงินสมทบจากภาครัฐเข้ากองทุนล่าช้า มีการนำเงินไปลงทุนมากน้อยเพียงใดและสภาที่ 3 สงสัยว่าเงินของคนทำงานกว่า 18 ล้านคนไปอยู่ที่ไหนบ้าง

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image