“ยงยุทธ” เร่งดัน กม.ยุทธศาสตร์ชาติ กลางก.พ.นี้ แจง โครงสร้างบริหาร – ให้อำนาจถอดถอนนักการเมือง หากแตกแถว อ้าง สืบทอดปฏิรูป ไม่สืบทอดอำนาจ
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ ประธานกรรมาธิการ (กมธ.)การบริหารราชการแผ่นดินของสปท. กล่าวถึง ความคืบหน้าการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ ตามที่บทเฉพาะกาลมาตรา 260 ของร่างรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ต้องผ่านภายใน 90 วัน หากได้ประกาศใช้ ว่า สปท.มีหน้าที่ผลักดันกฎหมาย เพื่อเป็นกลไกให้เกิดการบังคับใช้ ส่วน คณะกรรมการศึกษายุทธศาสตร์ ที่ ครม.ตั้งขึ้นก็จะมีหน้าที่จัดทำเนื้อหาซึ่งตัวร่างเสร็จแล้ว รอนำเข้าประชุม กมธ.ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ก่อนจะส่งต่อให้วิป สปท.ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ เพื่อบรรจุเป็นวาระการประชุม ซึ่งคาดว่า วันที่ 16 กุมภาพันธ์ สมาชิกสปท.ทุกคนจะได้ร่วมพิจารณาอภิปราย หากสมาชิกส่วนใหญ่เห็นชอบ ก็จะส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ตรวจสอบเนื้อหา ก่อนส่งให้ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกเป็นกฎหมายต่อไป
พ.ต.ต.ยงยุทธ กล่าวว่า สำหรับเนื้อหาในร่างกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ กว่า 80 % จะยึดไปตามร่างที่ ตนเคยจัดทำไว้ เมื่อครั้งเป็นประธานอนุกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในส่วนกลไกการบริหารจัดการจะมี คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งสิ้น 25 คน มาจากผู้นำฝ่ายการเมือง 3 คน คือ นายกรัฐมนตรี ประธานสนช. และประธานสปท. ดำรงวาระตามตำแหน่ง เมื่อเข้าสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ประธานสภาผู้แทนฯ และประธานวุฒิสภา ก็จะเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน ส่วนอีก 22 คน คือ ผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้ง 11 ด้าน ตามที่มาตรา 27 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 กำหนดกรอบการปฏิรูปเอาไว้ โดยส่วนนี้จะมาจากการสรรหาโดย สนช.
พ.ต.ต.ยงยุทธ กล่าวอีกว่า ส่วนกลไกรองลงมาคือ คณะกรรมการบริหารยุทธศาสตร์ชาติ มี 26 คน ที่มาจากหลายภาคส่วน ทั้งจากภาครัฐ 9 คน ได้แก่ เลขาฯสมช. เลขาฯสศช. ผอ.สงป. เลขาฯก.พ. เลขาฯกพร. เลขาฯกฤษฎีกา เลขาฯครม. ผบ.สถาบันวิชาป้องกันประเทศ และอัยการสูงสุด ภาคเอกชน 3 คน มี ประธานสภาอุตสาหกรรม ประธกานสภาหอการค้า และประธานสภาธนาคาร ส่วนภาควิชาการ 1 คน ให้มาจากประธานที่ประชุมอธิการบดีของมหาวิทยาลัย ภาคประชาชน 1 คน จากผู้แทนคณะกรรมการกระจายอำนาจอปท. และอีก 12 คน จากผู้ทรงคุณวุฒิ 11 ด้าน ตามที่มาตรา 27 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว2557 ซึ่งมาจากการแต่งตั้งโดยผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ
“ยุทธศาสตร์ชาติ เรากำหนดไว้เป็นระยะยาว 20 ปี เพื่อให้เรามีเป้าหมายผลักดันพัฒนาประเทศในทุกด้าน เพื่อให้พ้นจากการเป็นประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งจะพบว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสนใจ ในยุทธศาสตร์นี้มาก ยุทธศาสตร์ชาติจะเปรียบเสมือนแผนการบิน มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์กำหนดทิศทาง ผ่านนโยบาย ส่วนนักการเมืองเป็นนักบิน ข้าราชการเป็นผู้ช่วยนักบิน ทั้งนี้เรายังวางกลไกให้มีผลบังคับใช้ ด้วยการกำหนดว่า หากข้าราชการไม่ตอบสนอง ก็ต้องถูกตรวจสอบ หรือหากนักการเมืองละเลยไม่ปฏิบัติตาม ก็สามารถร้องป.ป.ช.เพื่อเข้าสู่กระบวนการถอดถอนได้ ยืนยันว่า นี่ไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ แต่เป็นการสืบทอดภารกิจการปฏิรูป เพราะยุทธศาสตร์ที่วางไว้ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้” ประธานกมธ.บริหารราชการแผ่นดินกล่าว
