“จุรินทร์” ห่วงปัญหาขนส่งสินค้าเกษตรข้ามจังหวัดมีปัญหา เผย “บิ๊กตู่” สั่งมท.เร่งผ่อนปรนให้ แนะรอศบค.เคาะคลายล็อก
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า ตนและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กำชับให้ตัวแทนของพรรคทุกคน ต้องลงไปประสานงานและช่วยทุกอย่างให้เต็มกำลังความสามารถในช่วงที่ประชาชนต้องประสบความเดือดร้อนในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้สามารถผ่านพ้นไปด้วยดีไปด้วยกัน สำหรับปัญหาอุปสรรคตอนนี้ในเรื่องทางปฏิบัติ มีบางเรื่องที่อดีตผู้แทนของพรรค สาขาพรรค อดีตผู้สมัคร และส.ส.ของพรรคได้สะท้อนมาคือปัญหาการนำพืชผลการเกษตรหรือผลผลิตอาหารบางส่วนหรือสิ่งที่ประชาชนทำในครัวเรือน ขนส่งข้ามแดนจังหวัด โดยเมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมา นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร้องเรียนว่าขอให้รัฐบาลช่วยคลี่คลายปัญหาการนำพืชผลการเกษตรที่ จ.พัทลุง ข้ามแดน จ.ตรัง เพื่อไปส่งต่อที่ภาคใต้ตอนบน
นายจุรินทร์กล่าวว่า ดังนั้น ตนได้นำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยกันคลี่คลายปัญหานี้ อย่างน้อยที่สุดควรให้มีการขนส่งพืชผลการเกษตรของเกษตรกร รวมทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารที่จำเป็นข้ามเขตจังหวัดไปยังปลายทางได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุม ครม.แล้ว โดยจากนี้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ประสานงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศว่าสิ่งไหนที่จะได้รับการผ่อนปรนให้ข้ามแดนได้ เพื่อให้อย่างน้อยพืชผลการเกษตร ผลิตภัณฑ์แปรรูปของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์การเกษตรต่างๆ สามารถไปถึงมือผู้บริโภคได้สะดวกขึ้น และขณะเดียวกันก็ไม่เป็นปัญหาในเรื่องการป้องกันโรคโควิดด้วย โดยให้ได้ทั้ง 2 อย่าง
เมื่อถามถึงมาตรการคลายล็อกต่อจากนี้ว่าควรเป็นเช่นไร ในการดูแลประชาชน อาทิ การเปิดห้างสรรพสินค้า นายจุรินทร์กล่าวว่า มาตรการทั้งหมดจะอยู่ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่นายกฯ เป็นประธาน โดยจะเป็นผู้กำหนดและกำชับลงไป ซึ่งจะมีกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว การที่จะคลายล็อกที่ไหน ก่อน-หลังอย่างไร เป็นเรื่องที่หน่วยงานนี้จะเป็นผู้พิจารณาตัดสินใจในการดำเนินการ แต่ว่าทั้งหมดตนคิดว่าหลักมีอยู่ว่าจะต้องดูเรื่องสุขภาพอนามัยของประชาชนเป็นสำคัญ ควบคู่กับการดูแลปากท้องของประชาชนด้วย เพื่อให้เกิดผลดีสูงสุดกับประเทศของเรา
