ฝ่ายค้าน ไม่เห็นด้วย ‘ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน’ เล็งทำ จม.ถึง ‘บิ๊กตู่-ปธ.สภา’ เปิดประชุมสมัยวิสามัญ

ฝ่ายค้าน ไม่เห็นด้วย ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เล็งทำ จม.ถึง ‘บิ๊กตู่-ปธ.สภา’ เปิดประชุมสมัยวิสามัญ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 23 เมษายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 6 พรรค ได้แถลงผลการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน

นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะเลขานุการที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าการแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศในครั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญ และมีความจำเป็นที่จะต้องดึงทุกฝ่ายเข้ามาร่วมมือกันแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ภาคธุรกิจ และภาคประชาชนทั้งหมด

ที่ประชุมได้ตกลงกันว่า เราจะทำหนังสือในนามพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมดถึงนายกฯ ขอให้ท่านดำเนินการในการร่วมกันเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญในการหาทางออกให้กับประเทศ เพื่อที่จะให้เราสามารถแก้ไขปัญได้ถูกทิศทาง และเกิดประโยชน์มากที่สุด ส่วนที่ 2 เราจะทำจดหมายถึงประธานสภา โดยร่วมกันใน ส.ส.และ ส.ว.ทั้งหมดร่วมกันลงชื่อเพื่อเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ซึ่งทั้งหมดจะสามารถจัดการได้ในสัปดาห์หน้า

ประเด็นต่อมา เรายืนยันหลักการว่า ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ นี้ต้องคำนึงถึงความทั่วถึง ถ้วนหน้า ความรวดเร็ว ความมีประสิทธิภาพ ความโปร่งใส และใช้จ่ายทรัพยากรอย่างมียุทธศาสตร์ เพราะสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้เรากำลังใช้จ่ายเงินในอนาคตมาสู้กับวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศของเรา ซึ่งเรามีข้เสนอหลายอย่างที่จะเสนอ

Advertisement

อย่างกรณีการปรับเปลี่ยนงบปี 64 เป็นต้น การต้องใช้เงินของพี่น้องประชาชนอย่างที่ให้ทุกฝ่ายสบายใจ โดยสามารถตรวจสอบได้ นอกจากนี้ ก่อนจะถึงวันที่ 30 พฤษภาคม ที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะสิ้นสุด เราเห็นว่าวันนี้มาตรการทางสาธารณสุขดำเนินการได้ดีพอสมควร ดังนั้น เราไม่เห็นด้วยควรจะต่อ พ.ร.ก.ต่อไป เราเห็นว่าใช้กฎหมายทางด้านสาธารณสุข และมาตรการที่ควรเข้ามาป้องกันโรคระบาดได้

 สำหรับจดหมายที่พรรคฝ่ายค้านจะไปยื่นถึงนายกฯ นั้น จะมีการส่งตัวแทนไปยื่นในวันพรุ่งนี้ (24 เมษายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) กล่าว่า ทางพรรคฝ่ายค้านได้มอบให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรค พท.ไปดู และประสานกับผู้เกี่ยวข้องแล้วว่า หากมีการเปิดประชุมสมันวิสามัญในเร็ววันนี้ห้องประชุมจะมีความพร้อมหรือไม่ ก็เห็นว่ามีความพร้อม จึงคิดว่าไม่ควรรอให้เปิดประชุมสภา เพราะความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนนั้นรอไม่ได้ ซึ่งขณะนี้การช่วยเหลือประชาชนยังไม่ทั่วถึง และไม่ทันการณ์ หากเปิดประชุมได้เร็ว แล้วมีการเอาความเดือดร้อนของชาวบ้านไปแก้ปัญหาได้ไวจะเป็นประโยชน์

Advertisement

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) กล่าวว่า เราไม่ว่าจะฝ่ายค้าน หรือรัฐบาลไม่ควรแบ่งแยกฝ่ายในสถานการณ์อย่างนี้ แต่ควรร่วมมือกันช่วยเหลือพี่น้องประชาชน การเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อจะช่วยเสนอแนวทางออกให้รัฐบาลในเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องการช่วยเหลือประชาชน การกู้วิกฤต และการกู้เงิน รวมถึงเรื่องต่างๆ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้ได้ดีที่สุด

ทั้งนี้ แม้รัฐบาลจะบริหารงานบกพร่องอย่างไรก็แล้วแต่ ขอให้พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาลในการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลไปก่อน แต่รัฐบาลเองก็ต้องรับฟังประชาชน ไม่ใช่ไปพูดให้เขาเหม็นหน้า ไม่ใช่ไปจับกุม แล้วเปรียบเทียบปรับเขา เอาเขาไปจำคุกทั้งที่เขาได้รับความเดือดร้อน ไม่อยากให้ใช้มาตรการทางด้านกฎหมายมากดพี่น้องประชาชน และอยากให้รัฐบาลพิจารณา พ.ร.ก.ว่าควรจะหยุดหรือยัง ไม่ควรต่อ พ.ร.ก. เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตเป็นปกติ

ตนเชื่อว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ประชาชนมีประสบการณ์มากพอที่จะป้องกันตัวเองจากโรคระบาด

นอกจากนี้ ขอให้ ส.ส.ทุกคนช่วยเหลือประชาชนคนละไม้คนละมือเท่าที่จะทำได้ โดยตนจะไม่พูดถึง ส.ว.เพราะเขาไม่มีพื้นที่ที่ต้องรับผิดชอบดูแล เพราะเขาไม่ได้มาจากประชาชน

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นความพยายามครั้งที่ 3 ของพรรคฝ่ายค้านที่จะให้มีการเปิดประชุมสวิสามัญเพื่อแก้ปัญหาเรื่องโควิด และปัญหาเศรษฐกิจให้พี่น้องประชาชน แต่ก็ไม่ได้รับเสียงตอบรับจากรัฐบาล เหตุที่ต้องเสนอให้เปิดประชุมวิสามัญ เพราะ 1.ที่ผ่านมาฝนตกไม่ทั่วฟ้า ประชาชนจำนวนมากถูกทิ้งจากนโยบายของรัฐบาล อาจจะเพราะรัฐบาลประเมินจำนวนผู้ได้รับผลกระทบต่ำไป และรัฐบาลดำเนินการช้าไป ตนคิดว่า สภาน่าจะมีส่วนช่วยในการร่นเวลาให้เอางบมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้

2.งบประมาณต้องสะท้อนยุทธศาสตร์ และวิสัยทัศน์ ต้องมีประสิทธิภาพ ต้องมีความโปร่งใส และตรงจุด ต้องเยียวยาให้ถ้วนหน้า ห้ประชาชนเดินต่อไปได้ และให้ประชาชนปรับตัวได้ และ 3.เมื่อมีการประชุมแล้วเราสามารถอภิปราย และท้วงติงเงินกู้ฯ ที่ไม่ใช่งบประมาณและเสมือนเป็นการตีเช็คเปล่าได้ และสามารถตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) ขึ้นมาพิจารณาเรื่องต่างๆ ได้

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พช.) กล่าวว่า อันดับแรกต้องขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึง อสม.ที่เสียสละ ขณะเดียวกันวันนี้มีข่าวประชาชนฆ่าตัวตายจำนวนมาก ธุรกิจขนาดย่อย และแม้แต่ธุรกิจขนาดใหญ่บางรายก็เริ่มมีปัญหาแล้ว เรื่องปัญหาเศรษฐกิจมองข้ามไม่ได้ ต้องหาทางป้องกันไว้ก่อน ไม่ใช่หาทางแก้

นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย กล่าวว่า อยากให้ปรับสมดุลกันระหว่างการป้องกันโรคระบาด กับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ดังนั้น จังหวัดไหนที่สามารถปลดล็อกได้ รัฐบาลก็ควรดำเนินการก่อน แต่พื้นที่ใดที่มีโรคระบาดก็จำกัดไปก่อน แล้วค่อยๆคลาด เพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ ทั้งนี้ การเยียวยาควรถามผู้ใหญ่บ้าน หรือถาม ส.ส. ว่าใครควรได้รับการเยียวยา เช่น นักศึกษาที่ต้องทำงานหาเงินมาเรียนหนังสือ แล้วไม่เข้าหลักเกณฑ์รับเงินเยียวยาเพราะเป็นนักศึกษา ก็อยากให้รัฐบาลขยายกรอบมาถึงตรงนี้ด้วย

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค พท.กล่าวว่า ในการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญต้องใช้เสียง 1 ใน 3 คือ 246 เสียง โดยฟากฝ่ายค้านเรามีเสียงทั้งสิ้น 213 เสียง จึงต้องขอความร่วมมือจาก ส.ส.ฟากรัฐบาล และ ส.ว.อีก 33 เสียง ในส่วนหนังสือที่จะให้แต่ละคนลงนามเพื่อส่งไปยังประธานสภานั้นคิดว่าในวันอาทิตย์นี้ 213 เสียงของฝ่ายค้านจะเรียบร้อย แต่อีก 33 เสียงขึ้นไป เราก็หวังเป็นอย่างยิ่งโดยที่ประชุมวันนี้ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล ทั้งนี้ ขณะนี้หัวหน้าพรรคร่วมฝ่านค้านทุกพรรคได้ลงนามในจดหมายที่จะส่งไปขอความร่วมมือไปถึงนายกฯ และ ส.ว.แล้ว ค้างเพียงผู้นำฝ่ายค้านฯ ถ้าผู้นำฝ่ายค้านลงนามแล้วก็สามารถส่งได้เลย

ขณะที่หลังจากประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านนี้เสร็จแล้ว จะมีการต่อสายโทรศัพท์ถึงวิปรัฐบาลเพื่อหารือกันต่อทันทีด้วย

เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลตัดงบสาธรณสุข และ สปสช. นายนิคมกล่าวว่า บัตรประกันสุขภาพจะมีกองทุนอยู่แล้ว รัฐบาลควรเติมงบประมาณเข้าไป เพราะในอนาคตโรคจะร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ การที่รัฐบาลจะเอาเงินตรงนี้ออกไปไม่มีใครเห็นด้วยหรอก และควรจะเติมเข้าไปด้วยซ้ำ

ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ก.ก.กล่าวว่า งบในส่วนของประกันสุขภาพที่ถูกตัดเป็นเงินที่ใช้ในการสนับสนุนค่ารักษาพยาบาลของผู้ที่มีสิทธิบัตรทอง เราคิดว่า สปสช. เป็นหนึ่งในหน่วย
งานที่ควรได้รับงบประมาณเพิ่มเติมด้วยซ้ำ เพราะการรักษาหรือการตรวจหาเชื้อต้องใช้เงินในส่วนนี้ ส่วนงบกระทรวสงสาธารณสุขจำนวน 1,130 กว่าล้านบาทที่ถูกตัดนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของงบลงทุน ค่าก่อสร้างตึกต่างๆ เราคิดว่าในส่วนนี้ สธ.เห็นว่าเป็นเรื่องไม่จำเป็นเร่งด่วน

แต่ที่จะเสริมคือ กรณีงบจัดซื้ออาวุธต่างๆ ของกระทรวงกลาโหม เมื่อคืนนี้ตนได้เข้าไปดู พบว่างบไม่ควรตัดกลับถูกตัด เช่น งบ สปสช. แต่งบที่ควรตัด เช่น งบจัดซื้อยานเกราะยังอยู่ โดยใช้วิธีการลดการเบิกจ่ายในงวดแรกลง จากเดิม 20% เหลือ 10% เพื่อเป็นการจองที่ไว้ว่าจะมีที่ทางในการใช้งบปี 64 ต่อไป ทั้งที่ในปี 64 ก็ใช่ว่าโรคโควิด-19 จะหายไปโดยสมบูรณ์ แต่กลับเห็นความพยายามที่จะจัดสรรงบเพื่อซื้ออาวุธให้ยังอยู่

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรางานว่า ในการประชุมนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรค พท. ได้วิดีโอคอลเข้ามาในที่ประชุม พร้อมระบุว่า ตนเองอยู่จังหวัดเชียงใหม่ และอยู่ในช่วงเก็บตัว เพราะเป็นอายุมากกว่า 70 ปี ถือเป็นกลุ่มเสี่ยง นอกจากนี้ หากเดินทางข้ามจังหวัดมาร่วมประชุม จะต้องไปกัตัวที่จังหวีดที่เดินทางไป 14 วัน และกลับมากักตัวที่เชียงใหม่อีก 14 ทำให้ไม่สะดวก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image