‘ณัฐวุฒิ’ ยัน ‘ล็อกดาวน์’ ตลอดกาลไม่ได้ คนจะอดตาย ติง จ.ม. ‘บิ๊กตู่’ ถึงมหาเศรษฐี ส่อ ‘มัดมือ’ ไม่ใช่ร่วมมือ

‘ณัฐวุฒิ’ ยัน ‘ล็อกดาวน์’ ตลอดกาลไม่ได้ คนจะอดตาย ติง จ.ม. ‘บิ๊กตู่’ ถึงมหาเศรษฐี ส่อ ‘มัดมือ’ ไม่ใช่ร่วมมือ

เมื่อวันที่ 23 เมษายน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า มีคนพยายามช่วยอธิบายก่อนเห็นเนื้อหาจดหมายเปิดผนึกของนายกฯ ว่านี่คือการขอความเห็น ขอไอเดียจากมหาเศรษฐี แต่พอเปิดสาระจริงๆ ออกมา ไม่ใช่การขอความเห็นหรือไอเดีย แต่กลายเป็นนายกฯบอกกับมหาเศรษฐีว่า มาตรการต่างๆ ที่ทำมาเป็นการช่วยเหลือคนในองค์กรหรือช่วยเหลือประชาชน รู้นะ ขอบใจมาก แต่ต้องทำเพิ่มและรายงานมาทันทีภายในสัปดาห์หน้าว่าจะมีมาตรการอะไรอีก นอกจากไม่ใช่การขอความเห็นแล้ว ยังไม่ใช่ขอความร่วมมือด้วย เรียกว่าขอความมัดมือ ทุกคนต้องเสนอมาตรการออกไป และแน่นอนว่างบประมาณที่ใช้ก็ต้องเป็นงบของมหาเศรษฐี ทำให้สถานะของโครงการเหล่านี้เกิดความลักลั่น  ไม่ชัดเจนว่า ตกลงใครเป็นเจ้าภาพกันแน่

ทั้งนี้ เมื่อเป็นมาตรการตามคำขอของนายกฯ ความหมายของมันคือมาตรการสาธารณะ แล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบ เอกชนรายไหนประกาศจะทำอะไรออกมา ถ้าหากว่าประชาชนเห็นว่าเป็นประโยชน์แต่ได้รับไม่ทั่วถึง จะไปเรียกร้องกับใคร หรือหากเกิดมีปัญหา มีประชาชนบางกลุ่มเกิดมีส่วนได้ส่วนเสียแล้วจะต้องเรียกร้องให้มีการแก้ไข จะเรียกร้องกับใคร

อย่าคิดว่า เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น ขนาดรัฐบาลมีอำนาจเต็ม มีฐานข้อมูล มีบุคลากร มีกลไกต่างๆ เต็มมือ แค่เยียวยาประชาชนเดือนละ 5 พันบาทยังมีปัญหาไม่จบไม่สิ้นจนวันนี้ การกำหนดมาตรการสาธารณะเพื่อช่วยเหลือประชาชน รัฐต้องเป็นเจ้าภาพเท่านั้น ส่วนเอกชน ผู้ประกอบการ หรือมหาเศรษฐีรายใดก็ตาม ถ้าจะเข้ามาร่วมก็มาในฐานะผู้สนับสนุน สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้จะเป็นเรื่องคิดง่าย แต่ทำยาก ประเมินผลสำเร็จลำบาก

นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า 1-2 วันนี้มีข่าวการจับกุมดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่ไปแจกข้าวปลาอาหารให้กับประชาชนตามพื้นที่ต่างๆ เจ้าหน้าที่รัฐควรใช้อำนาจอย่างสร้างสรรค์ ระมัดระวังไม่ให้การใช้อำนาจนั้นกลายเป็นประเด็นทางสังคมที่เกิดความตึงเครียดขึ้นมา ตนเห็นด้วยว่าการแจกข้าวแจกของต้องให้ความสำคัญกับการเว้นระยะห่าง เพื่อเป็นมาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค

Advertisement

สิ่งที่ควรจะเป็น คือ ใครจะแจกของก็แจ้งองค์กรปกครองท้องถิ่น แจ้งส่วนราชการให้รับทราบ แล้วก็มาช่วยกันดูแล แต่หากเกิดสถานการณ์เฉพาะหน้า คนแจกไม่ได้แจ้ง แต่คนรับเขามารอ ก็ไม่ควรไปทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นคดีความ เจ้าหน้าที่ที่จับกุมก็ถูกต่อว่า คนเจตนาดีเอาของไปแจกก็เสียความรู้สึก แล้วตกเป็นผู้ต้องหา ชาวบ้านที่กำลังไม่มีกินก็กลายเป็นถูกแย่งอาหารไปต่อหน้า คดีไปรกโรงรกศาลอีกต่างหาก

แล้วประเภทไปจับคนไร้บ้านข้อหาฝ่าฝืนเคอร์ฟิวก็ขอเถอะ คนเขานอนตามถนน นอนตามตลาด ไม่มีบ้านอยู่แล้ว จะไปจับทำไม ในสถานการณ์แบบนี้ การบังคับใช้กฎหมายกับคนยากคนจนเอาแต่ความเด็ดขาดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีความเข้าใจและความเมตตากำกับด้วย

นายณัฐวุฒิกล่าวด้วยว่า รัฐบาลต้องรีบสรุปให้ชัด จะยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อยู่ก็รับได้ แต่มาตรการต่างๆ ไม่ควรเข้มข้นเท่ากับปัจจุบัน ตราบเท่าที่ยังไม่มียารักษาเด็ดขาด ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน โลกยังต้องอยู่กับโควิดนี้ไปอีกนาน การปรับวิถีชีวิต การเพิ่มมาตรการป้องกันในสังคม การที่กลไกรัฐสอดส่องดูแลหาคนป่วย แยกคนเสี่ยง นี่คือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น แต่ที่จะทำให้เราอยู่ไม่ได้จริงๆ คือการปิดกั้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจแบบปัจจุบันในระยะยาว คนยากจน คนเล็กคนน้อยจะตายก่อน ผู้ประกอบการขนาดเล็ก ขนาดกลาง ก็กำลังจะตายตาม และเมื่อถึงตรงนั้น 20 รายที่นายกฯ เขียนจดหมายไปหาจะเหลือรอดอยู่เท่าไหร่ก็ไม่รู้

Advertisement

ทั้งนี้ เราอาจจะต้องอยู่กับโควิด-19 ตลอดไปก็เป็นได้ แต่เราอยู่กับเคอร์ฟิวตลอดกาลไม่ได้ คนจะอดตาย ขณะที่การรับมือโควิด-19 นายกฯ ตัดนักการเมืองออก ใช้ข้าราชการ โดยปลัดกระทรวงเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อน อย่าลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นนักการเมือง ทั้งหมดที่เป็นอยู่คือการบริหารจัดการโดยนักการเมืองชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เพียงแต่วิถีทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์จะเน้นรัฐราชการ มาตามกลไกอำนาจนิยม ที่ต้องการคนรับคำสั่งเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซ้ายหัน ขวาหัน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ กับนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จึงเลือกที่จะใช้ข้าราชการ

“ผมไม่ได้มานั่งคลั่งประชาธิปไตยตอนที่โรคระบาดกำลังรุนแรง แต่ระบบการเมืองที่นักการเมืองอย่าง พล.อ.ประยุทธ์กำลังทำอยู่ จะมีปัญหาทั้งผลสัมฤทธิ์ในการทำงาน ความโปร่งใสและเข้มแข็งของกลไกตรวจสอบ และพัฒนาการทางการเมืองของสังคมไทย” นายณัฐวุฒิกล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image