ศาลรอกำหนดโทษ 1 ปี หน.อุทยานฯหงาวตั้งวงสังสรรค์ ชี้ไม่จงใจฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ศาลรอกำหนดโทษ 1 ปี หน.อุทยานฯหงาวตั้งวงสังสรรค์ ชี้ไม่จงใจฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

รอกำหนดโทษ 1 ปี – จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจระนองบุกจับนายชลิต สินโรจน์ธนากร นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว และพวก รวม 8 ราย ในข้อหามั่วสุมดื่มสุรา ในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ตามคำสั่งหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ตามประกาศเรื่องการห้ามการชุมนุมกันทำกิจกรรมมั่วสุมนั้น

อ่าน : จับ หน.อุทยานฯน้ำตกหงาว และพวกรวม 8 คน คาบ้านพัก ตั้งวงก๊งเหล้า ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลจังหวัดระนองได้พิจารณาคดีดังกล่าว พิพากษาว่า จำเลยทั้ง 8 กระทำผิดตามคำฟ้อง พิเคราะห์คำฟ้องและคำแถลงประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้ง 8 แล้วเห็นว่า จำเลยทั้ง 8 เป็นข้าราชการ และร่วมประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับงานราชการ รวมถึงได้เชิญนักวิชาการสาธารณสุขมาร่วมปรึกษาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 แต่อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในการประชุมกัน ซึ่งต้องปฏิบัติตามมาตรการในการเว้นระยะห่างทางสังคม กรณีดังกล่าวเห็นว่าจำเลยทั้ง 8 ไม่จงใจที่จะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ประกอบกับจำเลยทั้ง 8 สำนึกในการกระทำผิดดังกล่าวแล้ว และจะระมัดระวังในการจัดประชุมสังสรรค์ร่วมรับประทานอาหารกัน ไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวอีก เห็นควรรอกำหนดโทษแก่จำเลยทั้ง 8 มีกำหนดไว้ 1 ปี

“จำเลยทั้ง 8 ขอแถลงประกอบคำสารภาพตามฟ้องเหตุเนื่องจากจำเลยทั้ง 8 มิได้มีเจตนาที่จะทำการมั่วสุมเพื่อดื่มสุรากันในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคตามประกาศเรื่องห้ามการชุมนุม ทำกิจกรรม การมั่วสุม แต่เนื่องจากมีนักวิชาการป่าไม้ย้ายมารับราชการใหม่ที่จังหวัดระนอง และได้เชิญนักวิชาการสาธารณสุขจังหวัดระนองมาร่วมปรึกษาหารือแนวทางการพัฒนาอุทยานแห่งชาติ ในระหว่างที่ปิดรับบริการนักท่องเที่ยว เพื่อพัฒนาให้เป็นอุทยานแห่งชาติสีเขียว ประกอบกับอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาวมีร้านสวัสดิการและบ่อน้ำแร่ร้อนธรรมชาติ ที่ต้องจัดการเกี่ยวกับการสุขาภิบาลและอนามัยสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและป้องกันการแพร่ระบาดโรค จึงร่วมกันปรึกษาวางแผนเกี่ยวกับการหาแนวทางป้องกันโรคระบาดดังกล่าว โดยมิได้มีการส่งเสียงรบกวนชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง เนื่องจากภายในบริเวณดังกล่าวเป็นบ้านพักของอุทยานแห่งชาติที่มิได้อยู่ในเขตชุมชน เพียงแต่นั่งรับประทานอาหารร่วมกัน และพูดคุยกันเท่านั้น โดยไม่มีเจตนาที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเลย” รายงานข่าวกล่าว

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image