อ.รัฐศาสตร์ มช.เผยดูแล้ว “สิ้นแสงฉาน” ยันแค่หนังรักโรแมนติก ชี้ไทยกังวลเกินเหตุ บอก “แรมโบ้” ยังน่าห่วงกว่า

ดร.ฐิติวุฒิ บุณยวงศ์วิวัชร

สืบเนื่องกรณีภาพยนตร์ ‘สิ้นแสงฉาน’ หรือ Twilight Over Burma ถูกระงับ การฉายในเทศกาลภาพยนตร์สิทธิมนุษยชนนานาชาติในนครย่างกุ้งของพม่า เนื่องจากคณะกรรมการพิจารณาพบว่าสิ้นแสงฉานอาจนำไปสู่ความแตกแยกของ ชาติพันธุ์แห่งสหภาพพม่า รวมถึงถูกระงับในเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย ครั้งที่ 4 ซึ่งจัดโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาด้วยเช่นกัน นำมาสู่การวิพากษฺวิจารณ์ถึงเหตุผล และสร้างความผิดหวังให้แฟนหนังสือที่รอชมภาพยนตร์ดังกล่าวอย่างมาก

ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ดร.ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ผู้เชี่ยวชาญด้านความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ของพม่า กล่าวกับ “มติชนออนไลน์” ว่า ตนมีโอกาสได้ชมภาพยนตร์ดังกล่าวแล้ว พบว่าเป็นหนังรักโรแมนติกที่แปลงจากหนังสือออกมาเป็นภาพเท่านั้น โดยมีแนวคิดหลัก 2 ประการคือ ความยุติธรรมกับความรักที่อยู่ภายใต้บริบททางการเมือง ไม่ใช่ภาพยนตร์การเมืองแต่อย่างใด

สำหรับการที่ถูกระงับการฉาย ทั้งในพม่าและไทยนั้น ดร.ฐิติวุฒิกล่าวว่า เป็นความกังวลที่มากเกินไป โดยกรณีของพม่านั้น ความจริงแล้วถ้าได้ฉายจะยิ่งตอกย้ำภาพในแง่บวกของรัฐบาลด้วยซ้ำ โดยไม่เพียงช่วยสร้างสันติภาพแค่พม่า แต่สร้างสันติภาพระหว่างมนุษยชาติด้วย เพราะเป็นความรักต่างเชื้อชาติศาสนา

“พอดูหนังเรื่องนี้จบ นึกถึงความโรแมนติกมากกว่า เพราะหนังถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของหนังสือที่ถูกตีพิมพ์มาแล้ว แค่แปลงตัวหนังสือจากภาพจินตนาการของบุคคล มาเป็นภาพโรแมนติก อีกอย่างหนึ่งที่เห็นเด่นชัดมากคือความสวยงามของสถานที่ถ่ายทำ คอนเซ็ปต์หนังมีแค่ 2 อย่าง คือ ความยุติธรรมกับความรักระหว่างนางเอกกับเจ้าจาแสง หญิงชายต่างเชื้อชาติที่มาพบรักกันแล้วลับไปอยู่รัฐฉาน
คนที่กังวลในตัวหนัง อาจมองว่าเน้นย้ำเรื่องการเมืองมากเกินไป แต่เอาเข้าจริงๆ เขาพูดถึงความรักที่อยู่ในบริบทการเมือง นำมาสู่การบอกว่า เป็นหนังการเมือง ซึ่งไม่ใช่ แต่เป็นหนังรักที่อยู่ภายใต้บริบทการเมืองเท่านั้น การเมืองทำให้ความยุติธรรมกับความรัก มีจุดเล่าเรื่อง หนังไม่ได้กระตุ้นต่อมความโกรธแค้น แต่กระตุ้นต่อมความทรงจำมูลเหตุ ถ้าจะดูหนังที่กระตุ้นความโกรธแค้นให้ไปดูเรื่องแรมโบ้ เพราะไปฆ่าคนเลย ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ระเนระนาด คนไทใหญ่ถูกจับเป็นลูกหาบ ซึ่งน่ากังวลกว่า

Advertisement

สิ้นแสงฉานมติชน

ในท้ายที่สุด หนังบอกด้วยซ้ำไปว่า เมื่อคนทั้งสองถูกผลกระทบจากการเมือง ก่อให้เกิดการเรียกร้องความยุติธรรมของตัวบุคคล นอกจากนี้ ยังช่วยอธิบายมูลเหตุสงครามการเมืองในรัฐฉาน ซึ่งเป็นกระบวนการป้อมกันการขัดแย้งไม่ให้เกิดในอนาคต ช่วยให้ตระหนักมูลเหตุความขัดแย้ง ถ้าหนังได้ฉายให้คนทั่วไปดูในกระบวนการเจรจาสันติภาพ จะช่วยสร้างพื้นที่ให้ความจริงให้คนไทใหญ่ ถ้าคนไทยเปิดใจดู ถ้ารัฐบาลพม่าเปิดใจดู ยิ่งดี ความจริงยิ่งตอกย้ำภาพด้านบวกให้รัฐบาลซูจีด้วยซ้ำไป เพราะตอนนี้คุณเปิดรับความต่าง เปิดรับความจริงมุมมองของคนไทใหญ่ และยังตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่อรัฐด้วย ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลต่อรัฐบาลที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดี แต่หมายถึงคุณต้องตระหนักว่าระหว่างรัฐ มีคนอีกกลุ่มหนึ่งอยู่ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐจะดีหรือไม่ ต้องสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนที่อยู่ระหว่างรัฐด้วย

ฉากที่ชอบมากคือ ฉากแรกที่พระเอกนางเอกพบกัน เจ้าจาแสง แนะนำตัวเสียละเอียดเลยว่า ฉันมาจากไหน ความต่างระหว่างพระเอกนางเอกที่ต่างเชื้อชาติ เกิดความรัก เป็นการสร้างสันติภาพชัดเจนมาก ข้ามเรื่องเชื้อชาติ ระหว่างหญิงออสเตรียและชายตัวเล็กๆที่มาจากรัฐฉาน พื้นที่ที่ไม่มีคนรู้จัก สิ้นแสงฉาน ไม่ได้สร้างสันติภาพแค่พม่า แต่สร้างสันติภาพระหว่างมนุษยชาติด้วย” ดร.ฐิติวุฒิ กล่าว

Advertisement

 

สิ้นแสงฉาน
ภาพจากภาพยนตร์เรื่องสิ้นแสงฉาน
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image