“โรม” โพสต์ 5 พ.ค. รำลึก”จิตร ภูมิศักดิ์” ยกเป็นต้นแบบ ผู้ไม่สยบยอมต่อเผด็จการ

“โรม” โพสต์ 5 พ.ค. รำลึก”จิตร ภูมิศักดิ์” ยกเป็นต้นแบบ ผู้ไม่สยบยอมต่อเผด็จการ

เมื่อวันที่ 5 พ.ค. นาย รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และเป็น โฆษกคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความรำลึกถึง จิตร ภูมิศักดิ์ ระบุว่า

วันนี้ (5 พฤษภาคม 2563) เป็นวันครบรอบการจากไปของจิตร ภูมิศักดิ์ หนึ่งในนักต่อสู้ทางการเมืองคนสำคัญของไทย ปรกติในทุกๆ วันนี้ของปีก็จะมีการจัดงานรำลึกถึงเขา ณ อนุสรณ์สถานซึ่งตั้งอยู่บริเวณที่เขาถูกยิงเสียชีวิต ที่บ้านหนองกุง ต.คำบ่อ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร น่าเสียดายที่ในปีนี้เกิดสถานการณ์การแพร่บาดของไวรัส COVID-19 จึงทำให้งานรำลึกต้องถูกงดเว้นไป

สำหรับผมแล้วจิตรเป็นคนหนึ่งที่ผมยึดถือแนวทางของเขามาใช้กับการเดินทางบนถนนสายการเมืองของตัวเอง จิตรเป็นผู้ที่ไม่เพิกเฉยต่อความผิดปรกติที่ดำรงอยู่ในสังคมเพียงเพราะว่ามันดำรงอยู่มาก่อน หากแต่ตั้งคำถามเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุงให้ถูกต้องหรือดียิ่งขึ้นไป ทั้งอุทิศตนให้กับอุดมการณ์ ในวันที่เขาเป็นนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเขาคิดปรับเปลี่ยนหนังสือประจำปีของมหาวิทยาลัยให้มีเนื้อหาสะท้อนปัญหาสังคมและวิพากษ์วิจารณ์ต่อความไม่เป็นธรรมต่างๆ (จนนำมาสู่เหตุการณ์ “โยนบก” ที่หลายคนอาจรู้จักกัน) เมื่อถูกจับเข้าคุกเขาไม่หยุดเขียนหนังสือและบทความเพื่อให้แง่คิดกับสังคม แม้กระทั่งในวาระสุดท้ายเขาก็ยังตายในฐานะผู้ไม่สยบยอมต่อเผด็จการ ทิ้งผลงานทางวิชาการ ประวัติศาสตร์ และการเมืองอันทรงคุณค่าไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อเป็นจำนวนมาก

หนึ่งในงานเขียนที่โด่งดังที่สุดของจิตรได้แก่ “โฉมหน้าศักดินาไทย” ซึ่งบอกเล่าถึงการแบ่งชนชั้นและการขูดรีดที่ชนชั้นสูงกระทำต่อชนชั้นล่างในสังคมไทยมาตั้งแต่อดีตกาล แม้ว่างานชิ้นนี้จะเขียนขึ้นมาตั้งแต่เมื่อกว่า 63 ปีที่แล้ว แต่หากจิตรยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้ ผมเชื่อว่าจิตรคงมีวัตถุดิบให้เขียนต่อได้อีกมากมาย เพราะทุกวันนี้สังคมเราก็ยังมีการแบ่งชนชั้นซ่อนรูปอยู่ภายใต้ฉากหน้าของระบอบการปกครองแบบไทยๆ ที่อ้างว่าคนเท่าเทียมกัน บุคคลหรือกลุ่มคนที่เข้ามามีอำนาจตามกฎหมายที่ควรเป็นอารยะ แต่กลับใช้อำนาจกระทำย่ำยีต่อสิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีของประชาชน พวกเขาเหล่านั้นยังคงได้รับอวยยศและปูนบำเหน็จจนได้มีตำแหน่งเป็นใหญ่เป็นโต กลายเป็นโฉมหน้าใหม่ของศักดินาเดิม

Advertisement

ด้วยเหตุนี้การจะทำให้ประชาธิปไตยเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงได้นั้น นอกจากจะปฏิรูปโครงสร้างหรือสถาบันทางการเมืองแล้ว จึงยังต้องนำเอาความเป็นศักดินาออกไปจากการเมืองไทยให้ได้ด้วยเช่นกัน ผมถือว่านี่คือภารกิจที่ผมได้รับมอบความไว้วางใจจากประชาชนให้มาปฏิบัติต่อไปให้สำเร็จลุล่วงในที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image