ไม่เพียงแต่ร่างพรบ.โอนงบประมาณ ไม่เพียงแต่พรก.กู้เงินจำนวน กว่า 1.1 ล้านล้านบาท หากแม้กระทั่งมติครม.เห็นชอบเงินกว่า 5 หมื่นล้านบาทเพื่ออุ้มการบินไทย
ก็จะได้รับความสนใจเป็นอย่างสูง ก็จะก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างแหลมคม
ท่าทีของรัฐบาลต่อร่างพรบ.และต่อพรก.จึงมีความสำคัญ
1 จะใช้ท่าทีแบบเดียวกันกับที่เคยใช้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ในช่วงแรก จะใช้ท่าทีแบบเอาประกาศ และบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินมาเป็นเกราะกำบัง
หรือ 1 จะใช้ท่าทีเปิดกว้างในท่วงทำนองแบบประชาธิปไตยอย่างเต็มเปี่ยม ให้โอกาสฝ่ายค้านอย่างเต็มที่
2 ท่าทีนี้สำคัญและทรงความหมายในทางการเมือง
เบื้องหน้าร่างพรบ. เบื้องหน้าพรก.ที่สำคัญสังคมสัมผัสได้ในท่าทีของรัฐบาล ท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเด่นชัดว่าดำเนินไปเช่นใด
ด้านหนึ่ง มีเสียงเรียกร้องให้เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ด้านหนึ่ง มีความพยายามยื้อและตัดบท
ฝ่ายใดต้องการประชุม ฝ่ายใดไม่ต้องการประชุมเห็นชัด
ขณะเดียวกัน น้ำเสียงไม่ว่าจะจากทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะจากพรรคพลังประชารัฐ มองบทบาทของการประชุมรัฐสภาว่าเป็นเวทีในการ”ด่า”มากกว่าเป็นเวทีในการ”ตรวจสอบ”
ถึงกับสำทับว่าอีกฝ่ายทำให้เรื่องไวรัส โควิด-19 เป็นเรื่องทาง การเมือง พยายามขยายบทบาทในการตรวจสอบและควบคุมไปสู่การจะล้มรัฐบาล
ทั้งๆที่รัฐบาลอยู่ในจุดที่ได้เปรียบมากกว่า ไม่เพียงมี 250 ส.ว.หากแต่ยังครองเสียงข้างมากเหนือกว่าฝ่ายค้านด้วยซ้ำไป
แต่ก็ยังกลัวในเรื่องรัฐบาลจะล้ม กลัวในเรื่องแพ้มติ
ยิ่งรัฐบาลกลัวมากเพียงใด บทบาทของฝ่ายค้านยิ่งถูกขยายให้โตใหญ่มากกว่าความเป็นจริง เหมือนกับทำเนียบรัฐบาล เหมือนกับ พรรคพลังประชารัฐนั่นเองที่วาดภาพแห่งความกลัวให้บังเกิด
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงเสียงเรียกร้องไม่ว่าจะจากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะจากพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง
เพราะว่านี่คือการเรียกร้องบนพื้นฐานแห่งภาระหน้าที่ของสมาชิกแห่งรัฐสภา ซึ่งเป็น”ผู้แทนราษฎร” มาจากการเลือกของประชาชน
เป็นความพยายามเน้นและยืนยันใน “อำนาจนิติบัญญัติ”ที่มีระบบ”รัฐสภา”เป็นเครื่องมืออย่างสำคัญในการตรวจสอบและควบคุม”รัฐบาล”อันอยู่ใน”อำนาจบริหาร”
ท่าทีของรัฐบาล ท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลต่างหากที่เปิดโปงตนเองออกมา ณ เบื้องหน้าประชาชน