09.00 INDEX 4 ปัจจัย รุกไล่ รัฐบาลประยุทธ์ หลังสถานการณ์ ไวรัส ระบาด
เหมือนกับสถานการณ์ POST โควิด-19 หลังการยกเลิกประกาศ และบังคับใช้สถานการณ์ “ฉุกเฉิน”ที่รัฐบาลจะประสบ คือ การหวนกลับมาของ Flash Mob ของนักศึกษา
Flash Mob อันเคยกระหึ่มด้วยเสียงตะโกน “ออกไป ออกไป” ดังกึกก้อง
อาจเป็นเช่นนั้น อาจเป็นความจริง
แต่ที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนน่าจะเป็นการรุกไล่จาก 2 ส่วนนี้ในทางการเมืองมากกว่า นั่นก็คือ 1 การรุกไล่จาก”ภายใน”พรรค พลังประชารัฐ
1 การรุกไล่จากระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย
แต่ที่หวาดเสียว ระทึกใจที่สุดคือจากพรรคพลังประชารัฐ
ต้องยอมรับว่า “ปฏิกิริยา” จากภายในพรรคพลังประชารัฐที่ต้อง การเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค จาก นายอุตตม สาว นายน จาก นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ดำรงอยู่และดำเนินไปอย่างเป็นความจริงแม้จะผ่านกระบวนการ “ปล่อยข่าว” อย่างแยบยลก็ตาม
แยบยลเพราะมาจาก “ดรีมทีม เศรษฐกิจ” ในท่วงทำนองเพื่อฉายภาพเปรียบเทียบ ให้เห็นคนที่มาแทนว่าจะเลวร้ายอย่างไร
แต่ไม่ว่าตัวละครอย่าง นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อันเป็นองคาพยพแห่ง “4 ยอดกุ มาร” ก็ไม่เคยปฏิเสธกระบวนการรุกไล่
ในเมื่อเป้าหมายแท้จริง การเปลี่ยนหัวหน้า เลขาธิการพรรคก็เพื่อเป็นกระดานหกไปสู่ “การปรับครม.”
จึงเป็นไปไม่ได้ที่การเคลื่อนไหวจะยุติลงอย่างเซื่องๆ
แนวโน้มและความเป็นไปได้หลัง POST โควิด-19 หลังการยกเลิกสถานการณ์ “ฉุกเฉิน” จึงเป็นสถานการณ์ที่ชาวบ้านอาจสรุปอย่างรวบรัดว่า
ดูไม่จืดในทางการเมือง โดยเฉพาะเมื่อมองไปยังสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นั่นก็คือ การรุกไล่จาก “ภายใน” พรรคพลังประชารัฐ
นั่นก็คือ การรุกไล่และกดดันแบบนิ่มๆจากพรรคร่วมรัฐบาลไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย
นั่นก็คือ การรุกไล่จากพรรคร่วม “ฝ่ายค้าน”
ประสานเข้ากับการลุกฮือขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับการปรากฏ ขึ้นของ Flash Mob ของนักศึกษา
โดยมีความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจเป็น “เนื้อดิน” การเมือง