การเคลื่อนไหวเพื่อจัดตั้งหน่วยบัญชาการทหารบนที่ดินอันเป็นผืนป่าแห่งมาบตาพุด จังหวัดระยอง ของกองทัพเรือ คือ การเคลื่อนไหวที่อาจก่อให้เกิดปัญหาใหม่ในทางการเมือง
เช่นเดียวกับการนำเสนองบประมาณเพื่อซื้อเรือยกพลขึ้นบกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการซื้อเรือดำน้ำ
เช่นเดียวกับการนำเสนองบประมาณซื้อรถถังสไตรเกอร์
อันแม้ว่า สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะบรรจุเข้าไว้ในระเบียบวาระเพื่อพิจารณาในที่ประชุม ครม.ตามข้อเสนอจากกระทรวงกลาโหม
แต่ในที่สุด ด้วยกระแสกดดันในทางสังคมกระทรวงกลาโหมก็ตัดสินใจถอนออกจากวาระอันเท่ากับไม่เคยเสนอมาก่อน
เรื่องที่จะเกิด ณ ป่ามาบตาพุด ก็ดำเนินไปอย่างเดียวกัน
บทเรียนอันมีความหมายเป็นอย่างยิ่งจากอดีตก็คือ ในยุคที่รัฐบาลต้องประสบกับวิกฤตทางเศรษฐกิจเป็นอย่างสูง กระทั่งต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่เพียงแต่จะลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมลง
หากแม้กระทั่งโครงการซื้อยุทโธปกรณ์สำคัญๆ ก็ต้องระงับ
การตัดสินใจที่คำนึงถึงผลกระทบในทางเศรษฐกิจโดยองค์รวมของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับการยกย่องและถือเป็นตัวอย่างระดับคลาสสิก
เป็นการตัดสินใจอันเป็นแบบอย่าง เป็นการตัดสินใจเพราะรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง จำเป็นต้องคำนึงถึงเสียงและความรู้สึกของประชาชน
นี่ย่อมเป็นจุดต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร มาจากการยึดอำนาจ
ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน ปัญหาของราษฎร
ทั้งๆ ที่มีตัวอย่างมาแล้ว จากกรณีของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทั้งๆที่มีตัวอย่างมาแล้วว่ากรณีการเสนองบประมาณซื้อเรือยกพลขึ้นบก กรณีการเสนองบประมาณซื้อรถถังสไตรเกอร์
ในที่สุดแล้ว กระทรวงกลาโหม กองทัพเรือ กองทัพบก ก็ต้องถอนโครงการออกจาก “วาระ”
เหตุใดกองทัพเรือไม่ได้คำนึงในกรณีของป่ามาบตาพุด
ทั้งๆ ที่กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกมาท้วงติงด้วยเหตุผลในทางวิชาการและสภาพความเป็นจริงที่ดำรงอยู่
นี่คือการตกค้างในทางความคิดจากยุคสงครามเย็นที่ยังดำรงอยู่แม้ว่าจะประสบกับสถานการณ์ไวรัสแพร่ระบาด
นี่คือความคิดเก่าในสถานการณ์ฉุกเฉินในยุค 2563