บิ๊กตู่ซัด คนยิงเลเซอร์ทวงความจริงปี’53 ไม่เหมาะสม มาทำช่วงคนเดือดร้อนโควิด

‘บิ๊กตู่’ เลี่ยงตอบมือดียิงเลเซอร์การเมือง อ้างเกี่ยวข้องความมั่นคง ลั่นไม่เหมาะช่วงคนเดือดร้อน ชี้สถานการณ์บ้านเมืองต้องการความรัก-สามัคคีจากทุกคน อย่านำหลายเรื่องพันโควิด-19 ระบุแจกเงินเยียวยาเปล่าหวังผลการเมือง

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 12 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ถือเป็นวันแรกที่มีการพบปะกันทั้ง ครม. โดยได้ประชุมกันในสถานที่ซึ่งมีการจัดระยะห่างไว้เรียบร้อยแล้ว เหมือนกับโรงเรียนเปิดเทอมได้เจอหน้ากันพร้อมเพรียงในวันนี้ บรรยากาศเป็นที่น่ายินดี ทุกคนยังแข็งแรง อยู่ในการที่จะฟันฝ่าอุปสรรคของประเทศ ของประชาชนไปให้ได้ด้วยความร่วมมือกันของ ครม.และพรรคร่วมรัฐบาล ตลอดจนแรงสนับสนุนความร่วมมือจากส่วนอื่นๆ ภายนอก ทั้งภาคเอกชน ธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ตาม พูดหรือเสนออะไรออกมาตนก็รับฟังนำมาพิจารณาในการบริหารราชการของตนเสมอมา ต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนด้วย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีเหตุการณ์ยิงแสงเลเซอร์ตามสถานที่เชิงสัญลักษณ์เหตุการณ์พฤษภาฯ ปี’53 ทั้งเขตวัดปทุมวนาราม และข้างตึกกระทรวงกลาโหม นายกฯกล่าวว่า วันนี้สื่อมวลชนถามมาหลายคำถาม ซึ่งเกี่ยวข้องกับสถานการณ์เรื่องความมั่นคง ซึ่งตนคงไม่ตอบในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคงซึ่งต้องไปพิจารณาดูว่ามีความผิดอะไรกันหรือเปล่า ในการที่มีการกระทำการแบบนั้นในช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม ในการที่จะนำในหลายๆ เรื่องมาพัวพันกับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งกำลังแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน เพราะประชาชนกำลังเดือดร้อน

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประมาณกลางเดือนนี้วันที่ 15 พ.ค. ทางคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. จะไปตรวจเยี่ยมเยียนในสถานที่ที่จะมีการปลดล็อกระยะที่ 2 ว่าได้มีแผนปฏิบัติการตามมาตรการของรัฐ ของศูนย์โควิด-19 ได้ครบถ้วนหรือไม่ หรือจะมีมาตรการอื่นเพิ่มเติม ทั้งนี้ เพื่อนำมาเป็นแบบอย่างในการให้สถานประกอบการอื่นนำมาใช้อย่างเท่าเทียมกัน

“ผมได้กราบเรียนไปแล้วว่าอะไรก็ตามที่เปิดได้ก็ปิดได้ ผมจำเป็นต้องพูดแบบนี้ ไม่เช่นนั้นทุกคนก็ลืมตัวไปเรื่อยไม่ร่วมมือ ไม่รักษาระยะห่าง ไม่ใส่หน้ากาก ไม่อะไรพวกนี้ คือไม่ๆ ทั้งหมด แต่เมื่ออยากได้ท่านก็ต้องร่วมมือกับผมและศูนย์โควิด-19 เพราะผมไม่ได้ทำงานคนเดียว ผมทำงานด้วยศูนย์ ด้วยคณะกรรมการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวง ทบวง กรม เป็นคณะกรรมการชุดใหญ่ ฉะนั้น เป็นผลงานร่วมกันของทุกกระทรวง ของรัฐบาล พรรคร่วมในขณะนี้ แต่ก็ยินดีที่จะรับฟังความคิดเห็นส่วนอื่นๆ ด้วยในช่องทางที่เหมาะสม เพราะวันนี้คนไทยจำเป็นต้องร่วมมือกันในการแก้ปัญหาโควิด-19 และการฟื้นฟูประเทศของเราหลังจากสถานการณ์นี้ผ่านพ้นไปแล้วคงต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน วันนี้อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวอย่างอื่นให้เกิดความสับสนอลหม่านวุ่นวายกันอีกเลย ประชาชนต้องตัดสินใจว่าจะสนับสนุนอย่างไรในการทำงาน หรือการที่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายอลหม่านในเวลานี้ ท่านต้องตัดสินใจต้องคิดแล้ว ฉะนั้น วันนี้ผมต้องการความรักความสามัคคีของคนทุกคนที่เป็นคนไทยทั้งหมด และส่วนใหญ่ก็ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลไปแล้ว ไม่ได้ทำเพื่อการเมือง ทำให้คนไทยที่เดือดร้อนจากโควิด-19 ใครที่เดือดร้อนน้อย ใครที่ไม่เดือดร้อนก็ขอให้ดูแลคนที่เดือดร้อนด้วย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

Advertisement

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอขอบคุณภาคธุรกิจทุกภาคส่วนที่ดูแลลูกจ้างพนักงานมากพอสมควร ในส่วนของรัฐบาลก็จะดูแลให้มากที่สุด แต่จำเป็นต้องใช้ข้อกฎหมายหลายตัว การทำอะไรก็ตามของรัฐบาลจำเป็นต้องดูข้อกฎหมายเป็นหลักเสมอ จำไว้เราไม่สามารถที่จะใช้หรือทำอะไรต่างๆ ที่นอกตัวบทกฎหมายได้ อันนี้เป็นข้อที่อยากจะกราบเรียนให้พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนทราบ วันนี้เราต้องการความรักสามัคคี เราจะต้องรอดไปด้วยกัน ด้วยความรักสามัคคี เผื่อแผ่แบ่งปันน้ำใจให้กันและกัน นั่นคือ new normal ของประเทศไทย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image