‘บิ๊กตู่’ โอด ‘ผมอยากให้เปิดใจจะขาด’ ชี้ขาดคลายล็อกเฟส2 พรุ่งนี้รู้ผล 3 กลุ่มกิจการได้เฮ

‘บิ๊กตู่’ โอด ‘ผมอยากให้เปิดใจจะขาด’ ชี้ขาดคลายล็อกเฟส2 พรุ่งนี้รู้ผล กิจการ 3 กลุ่มใหญ่ได้เฮเสียงดัง

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค.ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) พร้อมติดตามการบริหารจัดการของโรงทาน ตามพระดำริของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก โดยให้จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบความยากลำบากในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่วัดระฆังโฆสิตาราม เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ เมื่อ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา

พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถึงการทยอยเปิดกิจการเพื่อให้ทุกง่ายได้กลับมาดำเนินธุรกิจกันอีก หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมและผู้เสียชีวิตในประเทศไทยอยู่ในวงจำกัดมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการตื่นตัวของประชาชนในการป้องกันตัวเอง ทั้งเว้นระยะห่าง การสวมใส่หน้ากากและใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาด  ว่า

“รัฐบาลเตรียมทยอยเปิดกิจการเพื่อให้ทำมาหากินได้ เป็นระยะ ๆ ไป รู้ดีว่าทุกคนลำบาก บางคนก็เดือดร้อนแต่ยืนยันว่าเราพยายามอย่างเต็มที่ อยู่มา 5-6 ปี ไม่รู้จักผมหรือว่าเป็นคนอย่างไร ต้องการทำให้ทุกคนมีความสุขทำให้ประเทศดีขึ้น และการทำงานไม่ใช่นายกฯคนเดียว ทุกอย่างอยู่ที่พวกเราทุกคน อะไรที่มีการพูดจาไม่จริง ผมไม่ไปเถียงหรือโต้ตอบใคร ความสุขของนายกฯคือการมาทำงานให้กับทุกคน”

นอกจากนั้น  พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า แม้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะลดลง แต่อย่าประมาท ถึงตัวเลขจะเป็นศูนย์ก็ประมาทไม่ได้ เพราะเชื้อโรคยังสะสมอยู่ บางคนไม่แสดงอาการ ไม่ใช่ติดเชื้อน้อยแล้วจะผ่อนปรนมากขึ้น

Advertisement

“ผมอยากให้เปิดใจจะขาด แต่ถ้ามีผู้ติดเชื้อแล้วจะทำอย่างไร” นายกฯ กล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลาย การบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด -19 ) ในครั้งที่ 1/2563 ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา การประชุมใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง แล้วเสร็จในเวลา 19.30 น. ได้ผลสรุปเรื่องการคลายล็อกมาตรการในระยะที่ 2 เพื่อนำเข้าประชุมในคณะศบค.ชุดใหญ่ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 15 พ.ค.นี้

คาดกันว่า มาตรการคลายล็อกระยะที่ 2 ที่ต่อเนื่องจากการผ่อนปรนให้ 6 กิจการแรกได้กลับมา ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. แบ่งเป็น 3 ประเภทกิจการ/กิจกรรม ดังนี้

Advertisement

ประเภทที่ 1 ด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตประจำวัน ได้แก่ ก.การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มในภัตตาคาร สวนอาหาร ศูนย์อาหาร โรงอาหาร ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ขนมหวาน และไอศกรีมภายในอาคารสำนักงาน ข.ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ยกเว้นโรงภาพยนตร์ ฟิตเนส ลานโบว์ลิ่ง สวนสนุก สวนน้ำ ศูนย์ประชุม ศูนย์พระเครื่อง สนามพระ และพระบูชา ค.ร้านค้าปลีกค้าส่งอื่นๆ ง.ร้านเสริมสวย (ย้อมผม ดัดผม หรือกิจกรรมอื่นๆ ภายในเวลาไม่เกิน 2 ชม.และร้านทำเล็บ)

ประเภทที่ 2 เกี่ยวกับกิจกรรมออกกำลังกายหรือการดูแลสุขภาพ ได้แก่ ก.คลินิก เวชกรรมเสริมความงาม สถานเสริมความงามและควบคุมน้ำหนัก ข.สนามกีฬา เฉพาะกีฬากลางแจ้งตามกติกาสากล เล่นเป็นทีมไม่มีผู้ชม ค.สวนดอกไม้ สวนพฤกษศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี ห้องสมุดสาธารณะ (เข้าเป็นรายคน) ง.สถานประกอบการนวดแผนไทย (เฉพาะนวดเท้า) และกิจการ/กิจกรรม

ประเภทที่ 3 เกี่ยวกับกิจกรรมอื่น ๆ คือ การประชุม ณ สถานที่ภายในหรือภายนอกองค์กร ลักษณะการบรรยายร่วมกับวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ (จำกัดจำนวนคนตามพื้นที่) ทีมถ่ายทำรายการโทรทัศน์ โฆษณา ถ่ายแบบ ทำคลิป (ไม่เกิน 5 คน)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image