วิโรจน์สงสัย กองทัพใช้ 400 ล้าน สร้างสถานที่พักผ่อนเชียงราย ใช่ภารกิจตัวเองหรือไม่?

‘วิโรจน์’ สงสัย กองทัพใช้งบ 400 ล้าน ก่อสร้างสถานพักฟื้นและพักผ่อนที่ จ.เชียงราย ใช่ภารกิจตัวเองหรือไม่

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่กองทัพดำเนินการก่อสร้างสถานพักฟื้นและพักผ่อนมณฑลทหารบกที่ 37 ติดแม่น้ำกก ที่ จ.เชียงราย เบื้องต้นพบว่าใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 423.5 ล้านบาท ว่าการก่อสร้างสถานพักฟื้นและพักผ่อนมันเกี่ยวข้องกับภารกิจของกองทัพตรงไหน และต่อให้มองในมุมของการจัดสวัสดิการให้กับทหารก็ต้องถามต่อว่ามีความจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องสร้างสถานพักฟื้นและพักผ่อนที่มีความหรูหราระดับนี้ นอกจากค่าก่อสร้างแล้ว รายการดำเนินงานสถานพักฟื้นยังมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ค่าบำรุงรักษา เงินเดือนลูกจ้าง ฯลฯ อีกมาก จากที่ตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่ามีการรับสมัครงานเพื่อมาปฏิบัติหน้าที่สถานพักฟื้นและพักผ่อนแห่งนี้ ในเดือน กันยายน 2562 ถึง 49 อัตรา โดยระบุในประกาศว่า ในบางอัตรามีเงินเดือนสูงสุดถึง 35,000 บาท

“ประเด็นที่สังคมจะต้องตั้งข้อสังเกตร่วมกันก็คือ ประเทศไทยสามารถใช้งบประมาณ 423.5 ล้านบาท เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในทางตรงได้มากกว่านี้หรือไม่ และกองทัพควรจะไปดำเนินกิจการที่เกี่ยวข้องกับภารกิจความมั่นคงและการป้องกันประเทศอย่างนี้อีกต่อไปหรือไม่” นายวิโรจน์กล่าว

นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า การที่กองทัพไปปฏิบัติภารกิจอื่นที่ไม่ใช่ภารกิจด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศ สะท้อนว่าปัจจุบันขนาดของกองทัพและทรัพยากรที่กองทัพมีนั้นมีมากไปกว่าภารกิจที่กองทัพต้องทำ กองทัพจึงต้องดิ้นรนไปทำภารกิจอื่นทั้งที่ไม่ใช่ภารกิจหลักของกองทัพ นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่รัฐบาลจะต้องปรับลดงบประมาณให้กับกองทัพและลดขนาดลง ทั้งจำนวนนายพล และการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เพื่อป้องกันมิให้กองทัพนำเอางบประมาณและทรัพยากรของประเทศไปปฏิบัติภารกิจข้ามเส้นที่ไม่ใช่ภารกิจหลักของกองทัพ สิ่งสำคัญที่ต้องทวงถามต่อจากกรณีนี้อีกประการหนึ่งก็คือ หากจำกันได้ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 ที่เพิ่งผ่านมาเร็วๆ นี้เอง หลังจากเหตุโศกนาฏกรรมกราดยิงโคราช ทางกองทัพบกได้ลงนามข้อตกลงร่วมมือกับกรมธนารักษ์ที่จะโอนกิจการเชิงธุรกิจของกองทัพไปให้กรมธนารักษ์เป็นผู้ดูแล และจัดสรรผลประโยชน์ให้กับประเทศชาติ เท่าที่ติดตามตรวจสอบพบว่า สถานพักฟื้นและพักผ่อนแห่งนี้ที่ จ.เชียงราย ยังไม่ได้ถูกโอนมาให้อยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์ และยังพบว่ายังมีอีกหลายกิจการที่ยังไม่ได้ถูกส่งมอบให้กับกรมธนารักษ์ เช่น สวนสนประดิพัทธ์ เป็นต้น จึงเป็นความชอบธรรมของสังคมและประชาชนคนไทยในการทวงถามสัญญาการปฏิรูปกองทัพ ที่ ผบ.ทบ. พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ได้เคยให้คำมั่นในการปฏิรูปกองทัพเอาไว้ โดยหนึ่งในนั้นคือ การทยอยโอนกิจการเชิงธุรกิจให้แก่กรมธนารักษ์ โดยเบื้องต้นมีอยู่ทั้งสิ้น 40 โครงการ ว่าปัจจุบันได้โอนไปแล้วกี่โครงการ อะไรบ้าง และจะโอนแล้วเสร็จเมื่อใด และเมื่อไหร่จะส่งมอบในเฟสต่อๆ ไปจนครบ

Advertisement

โฆษกก้าวไกลกล่าวว่า และอีกคำถามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องตอบก็คือ แล้วเหล่าทัพอื่น ทั้งกองทัพเรือและกองทัพอากาศ เมื่อไหร่ที่จะมีการส่งมอบกิจการเชิงพาณิชย์ ที่ได้ครอบครองเอาไว้ให้แก่กรมธนารักษ์ ทรัพยากรทุกสิ่งอัน ที่ดินทุกตารางมิลลิเมตร ที่กองทัพครอบครองนั้นไม่ใช่ทรัพย์สินของกองทัพแต่เป็นของประชาชนคนไทยทุกคน ดังนั้น การใช้ทรัพยากรเหล่านั้น สิ่งที่ต้องไตร่ตรองเป็นลำดับแรกคือ การคำนึงถึงผลประโยชน์ทางตรง และความยั่งยืนที่ประชาชนจะได้รับ ไม่ใช่กองทัพแต่อย่างใด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image