09.00 INDEX การเมือง ภายในพลังประชารัฐ การเมือง ยุคปฏิรูป ก่อนเลือกตั้ง
มิได้เป็นเรื่องแปลกอย่างประหลาด หากจะมีการออกมาปฏิเสธข่าวการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐจาก นาย อุตตม สาวนายน
เป็นเรื่องถูกต้อง เป็นเรื่องอันชอบธรรมอย่างที่สุดในทางการ เมือง
ยิ่งหากมองจากพื้นฐานที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งเชิญทั้ง นายอุตตม สาวนายน และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ให้ไปร่วมสนทนาในห้องทำงานของทำเนียบรัฐบาล
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ไม่เคยแสดงให้เห็นว่ามี ความปรารถนาในตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพราะเพียงแค่ตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรคก็เพียงพอแล้ว
ยิ่งมีความชอบธรรมที่ นายอุตตม สาวนายน จะไม่ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค
กระนั้น ความเป็นจริงที่ไม่ว่า นายอุตตม สาวนายน ไม่ว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ไม่ว่า นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ไม่ว่า นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ก็รู้อยู่เป็นอย่างดี
นั่นก็คือ ความต้องการให้ นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ พ้นไปจากตำแหน่งบริหารในพรรคดำรงอยู่จริง
ดำรงอยู่ถึงขนาดที่ นายอุตตม สาวนายน เคยมีคนพูดกับตนโดยตรง ดำรงอยู่ถึงขนาดที่มีการยื่นใบลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารเกิดขึ้นภายในพรรคจริง
หากไม่มีอยู่จริงคงไม่มีการเชิญ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ให้ไปร่วมสนทนาธรรมในทำเนียบรัฐบาล เหมือนกับเป็นการสร้างบรรยากาศแบบเดียวกับเมื่อเดือนเมษายน 2561
แม้กระทั่ง “นายพลเอก” ซึ่งเป็น “มือทำงาน” ให้กับ “นาย” แห่งบูรพาพยัคฆ์ก็ออกมายอมรับอย่างเปิดเผย
ตรงนั้นต่างหากคือ “ความจริง” ต่อหน้า ต่อตา
พลันที่ข่าวการเคลื่อนไหวล่าสุดภายในกรรมการบริหารที่ “กลุ่ม 4 กุมาร” เคยร่วมสนทนาธรรมด้วย ออกมาเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันกับ 2-3 กลุ่มภายในพรรคพลังประชารัฐ
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
ความผิดปกติเป็นอย่างมากก็คือ ความผิดปกติจากบรรดาไอ้ห้อยไอ้โหน ไม่ว่าที่นั่งอยู่ในทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าที่นั่งอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ หรือแม้กระทั่งข้างกาย นายอุตตม สาวนายน
กลับเก็บปาก เก็บลิ้น นิ่งเงียบราวกับไม่รับรู้ในชะตากรรมที่
“กลุ่ม 4 กุมาร” ในฐานะ “ดรีมทีม เศรษฐกิจ” กำลังประสบ
นี่คือ รูปธรรมและความโหดร้ายของ “การเมือง”
การเมืองของ“สงครามสั่งสอน” ในยุคแห่ง ”การปฏิรูป ก่อนการเลือกตั้ง”