สถานีคิดเลขที่ 12 : ฉุกเฉิน ยาวๆ ยืดๆ โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

 

การผ่อนคลาย การควบคุมการระบาดไวรัสโควิด-19 ชุดใหญ่ออกมาแล้ว

แต่ถามว่าจะคลายถึงขนาดไม่ต่ออายุพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการระบาด ที่จะสิ้นสุดลงวันที่ 31 พฤษภาคม เลยหรือไม่

ตามข่าวบอกว่าอยู่แค่ให้ “ศึกษา”

Advertisement

ดังนั้น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน น่าจะอยู่ต่อไป

เหตุผลหลักก็คงเป็นความห่วงการระบาดไวรัสโควิด-19 รอบที่ 2

ยังจำเป็นต้องคงเครื่องมืออันทรงอำนาจไว้

Advertisement

ทำเนียบจึงจำเป็นที่จะเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจต่อไป

ด้านหนึ่งก็เพื่อเหตุผลข้างต้น คือ ต้องมีความฉับไวต่อการแก้ปัญหา หากวิกฤตไวรัสกลับมาอีก

อีกด้านหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงได้ภาพเปรียบเทียบแล้วว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะตัวแทนพรรคร่วม

แตกต่างกับนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจ “พิเศษ” อยู่ในมืออย่างไร

ยิ่งสิ่งที่จะต้องเผชิญในยกต่อไป คือ วิกฤตเศรษฐกิจ

ที่ว่ากันว่าหนักหนากว่าวิกฤตเชื้อโรคอย่างแน่นอน

เพราะเชื้อโรค ใช้วิธีการ “ปิด” มิดชิดเท่าไหร่ก็ยิ่งสามารถคุมวิกฤตได้มากขึ้นเท่านั้น

ตรงกันข้าม สงครามเศรษฐกิจ ปิดไม่ได้ ต้องเปิดกว้างและเสรีให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถึงจะดี

แต่การเปิดนั้น จำต้องลดทอน การใช้อำนาจควบคุมลดลง

การ “รวมศูนย์อำนาจ” ต้องผ่อนคลายลง

และแน่นอน สิ่งที่จะโผล่ขึ้นมาท้าทายก็มากยิ่งขึ้นด้วย

ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งปัญหาการเมือง ทั้งในและทั้งนอกรัฐบาล ก็เริ่มปรากฏตัวให้เห็นแล้ว

ยิ่งหลังจากเปิดสภาในวันที่ 22 พฤษภาคม ที่อยู่ภายใต้เคอร์ฟิว และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้วยแล้ว ยิ่งดูประดักประเดิด

ทุกผลกระทบ จากการคงอยู่เพื่อรักษาการรวมศูนย์อำนาจ เป็นเรื่องใหญ่แน่

และยิ่งกรณีอันแหลมคม #ความจริงต้องปรากฏ ของกลุ่มการเมืองนอกสภา หากถูกอำนาจพิเศษจาก พ.ร.ก.ฉุนเฉิน เข้าไปจัดการ

โอกาสที่จะเกิดเหตุบานปลายก็มีสูงยิ่ง

ยังไม่ต้องพูดถึงปัญหาภายในรัฐบาลผสม

ทั้งความไม่เป็นเอกภาพในพรรคร่วมเอง

รวมไปถึงปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่การแย่งชิงอำนาจไม่ยุติ อย่างน่าประหลาดใจ

ทั้งที่ผู้ที่สั่งเบรก คือ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมีอำนาจการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่กระแสกดดันให้การปรับ ครม.ก็ยังมีต่อไป

รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประกาศไม่รับเป็นหัวหน้าพรรค แต่กระแสผลักดันให้เป็นหัวหน้าพรรคก็ไม่เคยสร่างซา

จนเริ่มมีการตั้งข้อสังเกตว่า หรือนี่คือ “การเมืองมิหน่ายเล่ห์”

นั่นคือ พูดอย่าง แต่กลับไปทำอีกอย่าง

บอกไม่ปรับ ครม. แต่เอาเข้าจริงก็แค่จะบอกว่าไม่ใช่ตอนนี้ แต่วันข้างหน้าไม่แน่

ที่ไม่ปรับตอนนี้ก็อาจเพราะไม่อยากเพิ่มวิกฤต

แต่วันข้างหน้าที่ต้องลุยวิกฤตเศรษฐกิจ อาจต้องมีดรีมทีมเศรษฐกิจชุดใหม่

ตอนนี้ ก็เริ่มแว่วๆ ว่าผู้นำรัฐบาลอาจจะพึ่งบริการคนนอกเข้ามาช่วย?

นั่นเองทำให้กระแสเปลี่ยนหัวหน้าพรรคไม่ยอมหยุด

เพราะถ้า พล.อ.ประวิตร เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค ทีมชุดเดิมก็ต้องไป

และไม่ได้ไปแค่ในพรรค อาจต้องหมายรวมถึงการไปจากตำแหน่งใน ครม.ด้วย

นั่นก็หมายถึงการต้องมีทีมเศรษฐกิจใหม่โดยปริยาย

พล.อ.ประยุทธ์ก็จะลอยตัวสบายๆ และไม่ต้องอธิบายให้เหนื่อยว่าทำไมทิ้งเพื่อน

แถมยังทำให้กลยุทธ์ “พี่คุมพรรค น้องคุมทำเนียบ” เป็นจริงขึ้นมาด้วย

แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น

ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ขอยืนให้มั่นๆ

โดยมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ยืดออกไปให้ยาวๆ เป็นเสาค้ำยันให้

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image