เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นคำร้องต่อประธานกรรมการการเลือกตั้ง ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้วินิจฉัยว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขาดคุณสมบัติการเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และต้องพ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ โดยนายเรืองไกร ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ถูกปลดออกจากราชการทหาร จากคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายตามคำพิพากษาศาล กรณีนี้จึงขัดคุณสมบัติการเป็นหัวหน้าพรรคตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 ที่ห้ามบุคคลถูกปลดออกจากราชการฐานทุจริตประพฤติมิชอบเป็นกรรมการบริหารพรรค
อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้สมาชิกภาพการเป็น ส.ส.จะสิ้นไป แต่ความเป็นหัวหน้าพรรคยังอยู่ เมื่อ พ.ร.บ.พรรคการเมืองยังใช้บังคับ และมาตรา 11 ระบุชัดคนที่จะเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค ตั้งแต่หัวหน้าพรรคยันโฆษกพรรค จะต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 102(6) ของรัฐธรรมนูญ 2550 ที่กำหนดว่าต้องไม่เป็นบุคคลที่เคยถูกปลดออก ไล่ออกจากราชการ คำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ 1163/2555 ที่ให้ปลดนายอภิสิทธิ์ ออกจากนายทหารสัญญาบัตรประจำการเหตุหลักฐานเข้ารับราการเป็นเท็จ และศาลแพ่งได้มีคำพิพากษารับรองความชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งดังกล่าว ก็ย่อมมีผลให้นายอภิสิทธิ์พ้นจากความเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตามที่ พ.ร.บ.ว่าพรรคการเมืองกำหนด
ขณะเดียวกัน นายเรืองไกร ยังเห็นว่า นายอภิสิทธิ์ขาดคุณสมบัติหัวหน้าพรรคตั้งแต่ปี 2555 หลังคำสั่งกระทรวงกลาโหมมีผลบังคับใช้ในวันที่ 8 พ.ย. 2555 อีกทั้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้รับรองคำสั่งดังกล่าว จึงมีผลบังคับใช้มาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ อาจมีสิทธิ์ลงสมัคร ส.ส.ได้ตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุด หลังปรับเปลี่ยนข้อความจากรัฐธรรมนูญปี 2550 จากเคยถูกปลดออก เป็นเคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ
