คล้ายกับข่าวรัฐมนตรีบางคนของพรรคพลังประชารัฐสร้าง”มุ้ง”สร้าง”เครือข่าย”สายตรงใหม่ขึ้นจากเงินงบประมาณของรัฐ จะถูก”ปล่อย”ออกมาจากพรรคเพื่อไทย
แต่ด้วยเวลาอันสั้น รายละเอียดโดยเฉพาะจำนวนเงินครอบ คลุมอยู่ในวง 10 ล้านบาทก็ถูกปูดออกมา
พร้อมกับเลขานุการรัฐมนตรีท่านนั้นออกมา”ท้าทาย”
จึงแทบไม่ต้องคาดเดาว่า รัฐมนตรีที่ว่านั้นเป็นใครมีชื่อเสียง เรียงนามว่าอย่างไร เลขานุการรัฐมนตรีที่ว่านั้นมีความสัมพันธ์เช่นใดกับ “กลุ่ม 4 กุมาร”
จึงแทบไม่ต้องคาดเดาว่าข่าว”ปล่อย”ในลักษณาการเช่นนี้สามารถ “หลุด”ไปถึงคนของพรรคเพื่อไทยและสื่อได้อย่างไร จึงมากด้วยสีสันอันวิลิศมาหราอย่างยิ่ง
ที่ว่า “สนิม” เกิดแต่เนื้อในตน แม้กระทั่งใน”เรือเหล็ก”ก็ด้วย ประการละฉะนี้แล
บรรดาไอ้ห้อย ไอ้โหนที่โจนทะยานอยู่ในสถานะกรรมการผู้ช่วยรัฐ มนตรีในทำเนียบรัฐบาล ใน 250 ส.ว. และในพรรคพลังประชารัฐซึ่งชอบเล่นงานฝ่ายค้าน
ไม่ว่าในเรื่องการขยายมาตรการ”เข้ม”จากสถานการณ์ฉุกเฉินให้เป็นปัญหาในทางเศรษฐกิจ การเมือง
ไม่ว่าในเรื่องการขยายข่าวความขัดแย้ง แตกแยกภายในพรรคพลังประชารัฐ ให้บานปลายเกินจากความเป็นจริง
ขอให้ไปดู “เส้นทาง”ข่าวที่ว่ารัฐมนตรีหว่านเงินกองทุนภายในกระทรวงเพื่อจัดวาง และสร้างเครือข่ายทางการเมืองของตนก็จะสัมผัสได้ว่าข่าวและความเลวร้ายแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
หากไม่มีความขัดแย้ง แตกแยกดำรงอยู่อย่างเข้มข้น”ภายใน”ของรัฐบาล ภายในของพรรคพลังประชารัฐข่าวแบบนี้จะไม่สามารถ”หลุด”ออกมาอย่างเด็ดขาด
“ป้อมค่าย”จะถูกตีให้แตกอย่างแหลกลาญก็แต่จาก”ภายใน”
ไม่ว่าจะมองจากมุมด้าน “การทหาร” ไม่ว่าจะมองจากมุมด้าน”การตลาด” ไม่ว่าจะมองจากมุมด้าน “การเมือง”
เมื่อเด่นชัดว่าการปรับครม.จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนภายในเดือนมิถุนายนที่จะถึง
ความร้อนแรงของเดือนพฤษภาคมจึงเริ่มมีความเด่นชัด
มิได้เป็นความร้อนแรงอันมาจากฝ่ายค้านเท่านั้น แต่ยังเป็นความร้อนแรงที่จะเกิดขึ้นโดยพรรคประ ชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย
โดยจุดเริ่มของความร้อนแรงจะเป็นภายในพรรคพลังประชารัฐ
“สนิม”จึงเกิดจากเนื้อในของ”เรือเหล็ก”อย่างเด่นชัดยิ่ง
