“พีซทีวี”ดิ้นสู้ ฟ้องศาลปกครองรอบ3 ระงับจอดำคืนนี้ นัดไต่สวนฉุกเฉิน26ก.ค.

เมื่อเวลา 13.50 น.วันที่ 21 กรกฎาคม ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมนพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช.ในฐานะผู้ดำเนินรายการและผู้บริหารบริษัทพีซ เทเลวิชั่น จำกัด และพิธีกรสถานีโทรทัศน์พีชทีวี รวม 7 คน ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม(กสท.)และนายภักดี มะนะเวศ รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ต่อศาลปกครองกลาง

จอดำ2

โดยผู้ฟ้องทั้ง 7 รายขอให้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอนมติกสท. และคำสั่งพิจารณาโทษทางปกครองของกสทช. ที่ให้พักใช้ใบอนุญาตหรือสิทธิในการออกอากาศช่องรายการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซ ทีวี เป็นเวลา 30 วัน รวมทั้งขอให้เพิกถอนคำสั่งสำนักงาน กสทช.ที่ให้บริษัท ไทยคม จำกัด(มหาชน) และบริษัททีซี บรอดคลาสติ้ง จำกัด ระงับการให้บริการโครงข่าย และยังขอให้ชดใช้เงินค่าเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดี เป็นเงินจำนวน 6,340,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จนกว่าจะชำระแล้วเสร็จ นอกจากนี้ยังขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่อมีคำสั่งระงับคำสั่งดังกล่าวก่อนมีคำพิพากษา

คำฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2559 กสทช.ได้เผยแพร่ความเข้าใจในวาระการประชุม กสท.ครั้งที่ 19/2559 ในวันที่ 13 มิถุนายน 2559 สำนักงานกสทช.ตรวจพบการออกอากาศของสถานีพีซทีวี ได้นำเนื้อหาเข้าข่ายประกาศต้องห้ามตามประกาศคณะรักษาความสงบ(คสช.) ฉบับที่ 97/2557 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่103/2557 และฝ่าฝืนเงื่อนไขบันทักข้อตกลงระหว่างผู้ฟ้องคดีกับสำนักงาน กสทช. ประกอบด้วย รายการเข้าใจนะ ,รายการเข้มข่าวข่าวดึก และรายการห้องข่าวเล่าเรื่อง โดยคณะอนุกรรมการได้เสนอที่ประชุม กสท.ลงโทษทางปกครองให้เพิกถอนใบอนุญาต แต่มติที่ประชุม กสท.ให้อนุกรรมการฯกลับไปทบทวนกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ต่อมาวันที่ 4 กรกฎาคม 2559 ที่ประชุม กสท.เสียงข้างมากเห็นสมควรให้พักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ 30 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2559ถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2559

ADVERTISMENT

อย่างไรก็ดีผู้ฟ้องคดีได้ยื่นหนังสือคัดค้านการพิจารณาของที่ประชุม กสท.มาต่อเนื่อง ตั้งแต่การประชุมเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2559 วันที่ 4 กรกฎาคม 2559และวันที่11 กรกฎาคม2559 ประกอบกับผู้ฟ้องคดีได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 ศาลปกครองกลางได้รับร้องไว้ แล้วนัดคู่กรณีมาไต่สวนเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2559 และเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2559 ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินและคุ้มครองชั่วคราวอีกครั้ง และศาลนัดมาไต่สวนวันที่ 13 กรกฎาคม 2559 แต่ตัวแทนผู้ถูกฟ้องคดีไม่มา เพราะติดต่อไม่ได้ ศาลจึงนัดไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 15 กรกฎาคม 2559 โดยตัวแทนผู้ถูกฟ้องคดีชี้แจงว่า สำนักงานกสทช.จะส่งหนังสื่อทางปกครองให้พักใช้ใบอนุญาตมาถึงผู้ฟ้องคดีในวันที่ 21กรกฎาคม 2559

ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่สอง มีหนังสื่อด่วนที่สุด ที่ กสท. 4012/27340 ลงวันที่ 15 กรกฎาคม 2559 ถึงผู้ฟ้องคดีมีใจความสำคัญสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ โดยอ้างว่าวิ่งพีซทีวี ออกอากาศรายการเข้าใจนะ ,รายการเข้มข่าวดึกและรายการห้องข่าวเล่าเรื่อง มีเนื้อหาต้องห้ามไม่ให้ออกอากาศในลักษณะส่อให้เกิดความสับสน ยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศ คสช.ฉบับที่97/2559 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 103/2559 ผิดเงื่อนไขบันทึกข้อตกลงระหว่างผู้ฟ้องคดีกับสำนักงานกสทช. และขัดมาตรา 37 ของพ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ที่ประชุม กสท.ครั้งที่ 23/2559 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2559 จึงมีมติพักใช้ใบอนุญาตดังกล่าวเป็นเวลา 30 วัน มีผลตั้งแต่วันรับหนังสือจากสำนักงานกสทช. อีกทั้งผู้ฟ้องคดีที่2 อ้างว่ารายการดังกล่าวที่ถูกกล่าวหาเป็นกรณีการกระทำต่างกรรมต่างวาระ แยกต่างหากจากการกระทำและมีคำสั่งเพิกถอนในอนุญาต จึงเป็นความผิดครั้งใหม่ และเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งที่ 380/2559 ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2559 ของศาลปกครองสูงสุดที่ให้ กสทช.พิจารณาโทษทางปกครองแก่บริษัท ในการกระทำผิดครั้งใหม่ได้

ADVERTISMENT

นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้มายื่นฟ้องเป็นคดีใหม่เพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว พร้อมทั้งขอให้ไต่สวนฉุกเฉิน ตามบันทึกข้อตกลงของศาลปกครองเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมาที่ระบุว่า ในกรณีที่ กสท. ยืนยันคำสั่งที่จะพักใช้ใบอนุญาตออกอากาศของสถานีโทรทัศน์พีซทีวีเป็นเวลา 30 วัน หลักจากที่ศาลปกครองมีคำสั่งรับคำร้องแล้ว ให้แจ้งไปยัง กสท. เพื่อให้ตัวแทนมาร่วมการพิจารณาไต่สวนฉุกเฉินในครั้งนั้นด้วย ยอมรับว่าพีซทีวีไม่ได้ถูกปฏิบัติตามขั้นตอนเช่นการเพิกถอนซึ่งไม่มีการตักเตือน การปรับ หรือให้ลงโทษ บางรายการ แต่กสทช.ใช้มาตรการสูงสุดคือพักการออกอากาศ 30 วัน

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ศาลปกครองมีคำแนะนำให้กสทช.หากมีกรณีใหม่มาร้องเพื่อเพิกถอนคำสั่งเดิมต่อศาล นายจตุพร กล่าวว่า หากมีกรณีใหม่เกี่ยวกับพีซทีวี กสท.ต้องมาร้องต่อศาลปกครอง เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนยันตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น ให้คุ้มครองการออกอากาศของพีชทีวี ชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ดังนั้น กสท. สามารถดำเนินการได้ 2 แนวทาง ประกอบด้วย1.วิธีการทางปกครองซึ่ง กสท.สามารถใช้อำนาจทางปกครองออกคำสั่งได้ 2.กสท.ร้องต่อศาลปกครองให้ศาลเพิกถอนคำสั่งเดิม ซึ่ง กสท.ใช้แนวทางที่ 1 ในการใช้อำนาจทางปกครองสั่งพักใบอนุญาตพีซทีวี อย่างไรก็ตามในวันนี้ เวลา 16.00 น.-00.00 น. ขอเชิญชวนประชาชนร่วมส่งท้ายปิดพีซทีวี ที่หอประชุมอภิวันท์ วิริยะชัย ชั้น5 อิมพีเรียล ลาดพร้าว

ทั้งนี้ ศาลปกครองได้รับคำฟ้องไว้พิจารณาเพื่อมีคำสั่งว่าจะรับฟ้องหรือไต่สวนเพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ต่อไป

ภายหลังนายกัณต์พัศฐ์ สิงห์ทอง ทนายความบริษัทพีซ เทเลวิชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ศาลปกครองเรียกผู้ฟ้องไปสอบถาม เบื้องต้นได้แจ้งมาว่าจะให้คู่ความไปไต่สวนในวันที่ 26-27 กรกฎาคม 2559นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทั้งนี้ภายหลังจากการสอบถามของศาล นายจตุพร เดินทางออกไปโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image