เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.จะพิจารณาข้อเสนอแนะของคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มี พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธานประชุมและมีมติขยายเวลาพ.ร.ก.ฉุกเฉินไปอีก 1 เดือน เพื่อให้ครอบคลุมห้วงระยะเวลาเดือนมิถุนายน โดยจะครอบคลุมทุกท้องที่ในเขตราชอาณาจักร รวมทั้งภาคใต้ด้วย นอกจากนี้จะเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้
โดยคณะกรรมการอ้างว่า แม้สถานการณ์จะดีขึ้น แต่สถานการณ์โลกยังน่าเป็นห่วงอยู่ ไทยเองแม้จะประสบความสำเร็จ ก็ต้องระมัดระวังในเรื่องการผ่อนคลายในแต่ละระยะ ต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อระลอกที่สอง เพราะจะเกิดความเสียหายหนักไปกว่าเดิม และเหตุผลที่สำคัญของการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คือ อีก 1 เดือนต่อจากนี้จะเป็นช่วงของเวลาการผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 3 และระยะที่ 4 และการผ่อนคลายในทุกระยะมีความเสี่ยงเสมอเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จึงจำเป็นที่จะต้องมีเครื่องมือหรือกลไก ที่จะนำมาใช้กำกับการผ่อนคลายให้มีประสิทธิภาพ
“นอกจากนี้สัปดาห์หน้าจะเป็นเรื่องการผ่อนคลายในระยะที่ 3 ที่จะมีการหารือเรื่องเคอร์ฟิวด้วย แต่ว่ายังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีการลดช่วงเวลาเคอร์ฟิวเท่าไหร่ ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับ ศบค. สำหรับเคอร์ฟิวร์เป็นมาตรการที่เป็นผลสืบเนื่องจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากไม่มีพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เคอร์ฟิวก็จะประกาศไม่ได้ ขณะนี้เราผ่อนคลายเวลาอยู่ที่ 23.00-04.00 น. ก็ต้องดูว่าในเฟสที่ 3 อาจจะกำหนดเวลาให้น้อยลงหรือเท่าเดิม การขยายหรือการคงอยู่ของเคอร์ฟิว จะเป็นไปตามมาตรการที่เราจะผ่อนคลาย” พล.อ.สมศักดิ์ ระบุ
