ข่าวที่ว่าจะมีการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ไม่ว่าจะโดยการเคลื่อนไหวของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ไม่ว่าจะโดยการเคลื่อนไหวของ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล มิได้เป็นเรื่องแปลก
เพราะทั้ง นายจาตุรนต์ ฉายแสง ทั้ง นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ก็ล้วนเป็น “นักการเมือง”
ทั้งยังเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียง มากด้วยเกียรติภูมิ
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ก็มิได้เป็น “ละอ่อน” ที่เริ่มมาจากพรรค ไทยรักไทย หรือเพิ่งมีชื่อเสียงมากด้วยเกียรติภูมิในห้วงที่เป็นประ ธานยุทธศาสตร์ พรรคไทยรักษาชาติ
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ก็มิได้เป็น “ละอ่อน” ที่เริ่มจากพรรคไทยรักไทย
ตรงกันข้าม เขาเป็นนักการเมืองก่อน นายทักษิณ ชินวัตร
เพียงแต่ในห้วงเวลาหนึ่งเขาร่วมทำการเมืองกับพรรคไทยรักไทย กับพรรคไทยรักษาชาติมาเท่านั้นเอง
“ต้นทุน” ทางการเมืองของพวกเขาย่อมมีอย่างสมบูรณ์
คำถามที่แวดวงทางการเมืองควรขบคิดต่อข่าวการเคลื่อนไหวอัน มาจาก นายจาตุรนต์ ฉายแสง และ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล คือ มีเหตุผลอย่างเพียงพอที่จะตั้งพรรคการเมืองหรือไม่
ความเป็นจริงก็คือ 2 คนนี้ได้แยกตัวออกจากพรรคเพื่อไทยมาอย่างเป็นระบบนานพอสมควรแล้ว
เป็นการแยกตัวออกมาด้วยเหตุผลทั้งที่เป็นส่วนตัวและความจำเป็นในทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็น นายจาตุรนต์ ฉายแสง ไม่ว่าจะเป็น นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล
เมื่อพวกเขาล้วนมี “ไฟ” ในทางความคิด ต้องการจะโลดแล่นในแวดวงทางการเมืองต่อไปหนทางเลือกก็มี 2 หนทาง 1 ร่วมกับพรรคการเมืองเดิม 1 จัดตั้งพรรคอันเป็นของกลุ่มตนขึ้นมา
ในเมื่อพวกเขาไม่คิดจะอยู่ใต้ร่มธงพรรคเพื่อไทยอันสืบทอดมาจากพรรคไทยรักไทย เหตุผลในการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่จึง มิได้เป็นเรื่องแปลก
จึงเป็นการดำรงอยู่ในลักษณะอันเป็นพันธมิตรในแนวร่วมเช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกลเกิดขึ้น
นี่ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาอย่างปรกติยิ่งในทางการเมือง
ไม่ว่าจะมองจากด้านของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง หรือนายพงษ์ศักดิ์ รักตะพงษ์ไพศาล จึงเป็นวิถีโดยปรกติในทางการเมือง
ยิ่งการเมืองในสภาพที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560
โอกาสที่จะแจ้งเกิดแบบพรรคอนาคตใหม่มีความเป็นไปได้
โอกาสที่จะดำรงอยู่อย่างเป็นพันธมิตรกับพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคก้าวไกล มีความเป็นไปได้