ตั้งการ์ดสูงมาก! สภาฯ ถกพ.ร.ก. บิ๊กตู่แจงยาว ฝ่ายค้านถลก ขอกู้ 1.9 ล.ไร้รายละเอียด

ตั้งการ์ดสูง! สภาประเดิมห้องสุริยันถกพ.ร.ก. บิ๊กตู่แจงยาว ฝ่ายค้านถลกกู้1.9ล.ไร้รายละเอียด

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมพระสุริยัน รัฐสภา เกียกกาย มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญนัดแรก ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน เพื่อพิจารณา เพื่อพิจารณาพ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ วงเงินรวม 1.9 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผล กระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท พ.ร.ก.ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 5 แสนล้านบาท และพ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ วงเงิน 4 แสนล้านบาท พ.ร.ก.ว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2563 และร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. …

ทั้งนี้บรรยากาศก่อนการประชุมเป็นไปอย่างคึกคัก ส.ส.และรัฐมนตรีต่างทยอยเดินทางมาร่วมประชุมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้า ทุกคนต่างสวมหน้ากากอนามัย โดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้จัดมาตรการคัดกรองอย่างเข้มงวด โดยทุกคนที่เข้าอาคารต้องสวมหน้ากากอนามัย และเดินผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิพร้อมทั้งมีเจลแอลกอฮอล์คอยให้ล้างมืออยู่เป็นจุดๆ หากใครมีไข้ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าอาคารเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตามการประชุมครั้งนี้ เป็นการย้ายเข้ามาใช้ห้องประชุมพระสุริยันอย่างเป็นทางการ ภายในห้องประชุมได้มีการจัดระเบียบให้ส.ส.นั่งเว้นระยะห่าง 1 ที่นั่ง ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวชี้แจงว่า เนื่องจากปัจจุบันเกิดการแพร่ระบาดเชื้อโควิดไปทั่วโลก ยังไม่มียารักษา และวัคซีนป้องกัน ไม่สามารถคาดการณ์ระยะเวลาสิ้นสุดได้ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยปี 2563 ที่ต้องมีการปิดสถานประกอบการ สนามบิน ทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัว มีผลต่อการจ้างงาน ประเมินว่า การระบาดจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยปี 2563 ทำให้รายได้ประเทศลดลง 928,000 ล้านบาท อาจมีคนว่างงานเพิ่มสูงขึ้นถึงล้านคนจีดีพีไทยจะติดลบ 5.0-6.0 แม้รัฐบาลจะพยายามทุกวิถีทางในการบริหารจัดการแหล่งเงินภายใต้กรอบกฎหมายที่มีอยู่ ทั้งการจัดสรรงบรายจ่ายปี 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็นการจัดทำร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณปี2563 แต่แหล่งเงินดังกล่าวไม่เพียงพอ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นประเทศให้กลับมาสู่สภาวะปกติโดยเร็ว รัฐบาลมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องหยุดยั้งการแพร่ระบาดโรค และฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ การดำเนินการดังกล่าวรัฐบาลประมาณการว่า ต้องใช้เงินเร่งด่วนประมาณ 1 ล้านล้านบาท ที่ไม่อาจดำเนินการโดยงบประมาณปกติได้ จึงเป็นกรณีฉุกเฉิน และเป็นทางเลือกสุดท้ายรัฐบาลในการตราพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ในวงเงินไม่เกิน 1ล้านล้านบาท เพื่อรักษาความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

ขณะที่การอภิปรายของพรรคร่วมฝ่ายค้านส่วนใหญ่ให้น้ำหนักในการอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ในประเด็นไม่มีแผนการใช้เงินที่ชัดเจน และมีการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวอภิปรายว่า ความล่าช้าในการยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินทำให้เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ ต้นทุนทางเศรษฐกิจจำนวนมหาศาลที่ต้องเสียไปจึงนำไปสู่การกู้เงินจำนวนมหาศาล ตามพ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับนี้ รัฐบาลต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า เงินกู้จำนวนมหาศาลนี้ คนที่ต้องร่วมกันชดใช้คือประชาชนทั้งประเทศ ลูกหลานเป็นลูกหนี้ ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องนำเงินไปใช้ด้วยความรับผิดชอบ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยแท้จริง ไม่ใช่การแบ่งเค้กชิงผลประโยชน์ การใช้เพื่อสร้างฐานคะแนนเสียง การเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องผ่านโครงการต่างๆ จึงเป็นความจำเป็นที่ตัวแทนของประชาชนมีหน้าที่ที่จะต้องร่วมกันตรวจสอบให้การใช้เงินก้อนนี้เป็นไปอย่างสุจริตและมีประสิทธิภาพสูงสุด ป้องกันไม่ให้เป็นการตีเช็คเปล่าให้รัฐบาลใช้เงินโดยตามอำเภอใจ ไร้การตรวจสอบ

Advertisement

นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ.2563 มีข้อห่วงใยว่าการดำเนินการตามพ.ร.ก.ฉบับนี้ จะส่งผลเสียหลายประการ เช่น โดยหลักแล้วธนาคารชาติไม่มีหน้าที่ลงไปจัดสรรสินเชื่อเอง เพราะอาจสร้างความเสียหายเกี่ยวกับความเชื่อมั่น และเสียหายในเชิงหลักการของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ หลีกเลี่ยงไม่พ้นการเลือกปฏิบัติ อาจถูกกล่าวหาใช้เงินรัฐอุ้มคนรวย และเกิดความเสี่ยงต่อความเชื่อมั่นในระบบการเงินของประเทศ

ด้านน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคพท. อภิปรายว่า พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน รัฐบาลตั้งชื่อเล่นว่า พ.ร.ก.เราไม่ทิ้งกัน 2020 แต่ชาวบ้านเรียกว่า พ.ร.ก.เราเป็นหนี้ด้วยกัน 2020 พรรคพท. เห็นด้วยกับการจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่ตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนเลยว่าการออกพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทครั้งนี้ คนสงสัยกันทั้งประเทศว่าจะขอกู้ไปทำไมทั้งๆที่ยังไม่มีรายละเอียดโครงการเลยว่าจะเอาไปใช้อะไร

“ประเทศไทยไม่ได้มีแค่ 3 ป. แต่มี 3 จ.ด้วย คือ เจ็บ จน เจ๊ง ของเศรษฐกิจไทย โดยธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่า จากผลกระทบของโควิด-19 จะทำให้เศรษฐกิจไทยหด ตัวลงร้อยละ 5.3 ในขณะที่ไอเอ็มเอฟคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะหดตัวลงร้อยละ 6.7 พ.ร.ก.ฉบับนี้รัฐบาลกู้มา 1 ล้านล้านบาท จึงเหลือเพดานที่จะก่อหนี้ได้อีกไม่เกิน 1.5 ล้านล้านบาท จะเต็มเพดานการก่อหนี้สาธารณะต่อจีดีพีร้อยละ 60 วงเงินกู้ครั้งนี้อาจจะเป็นเงินหน้าตักก้อนสุดท้ายที่รัฐบาลจะต้องใช้เพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ หากไม่สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ สุดท้ายประเทศจะพังเหลือไว้แต่หนี้ให้คนรุ่นหลังชำระใช้หนี้ตั้งแต่เกิดยันตาย แม้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินไปชำระหนี้เฉลี่ยประมาณปีละ 48,000 ล้านบาท จะต้องใช้เวลาเกือบ 90 ปีหรือสองชั่วชีวิตของพล.อ.ประยุทธ์ถึงจะชำระหนี้หมด ยุทธศาสตร์ชาติที่วางไว้ 20 ปีวนไปอีก 4 รอบ ยังใช้หนี้กันไม่หมดกำลังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เป็นนายกฯที่สร้างหนี้ให้กับคนไทยชั่วลูกชั่วหลาน”น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

การประชุมยุติเมื่อเวลา 20.00 น. โดยใช้วิธีพักการประชุม ซึ่งเมื่อประชุมต่อในวันรุ่งขึ้นจะไม่ต้องเซ็นชื่อเข้าประชุมใหม่ ซึ่งมีส.ส.พรรครัฐบาล คือนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นแซวว่า เป็น”นิวนอร์มอล”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image