“เพื่อไทย”ยื่น42ชื่อ ขอตั้งกมธ.สอบใช้เงินกู้ 1.9 ล้านล้าน เผยจ่อชงร่างแก้ไขต่อด้วย

“เพื่อไทย” ยื่น 42 รายชื่อ ขอตั้ง กมธ.วิสามัญตรวจสอบการใช้เงินกู้ 1.9 ล้านล้าน เผย เตรียมเสนอร่างพ.ร.บ.แก้ไขพ.ร.ก.กู้เงิน ต่อด้วย

เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 29 พฤษภาคม นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) พร้อมด้วย ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ยื่นญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อติดตาม และตรวจสอบการใช้งบประมาณเงินกู้จำนวน 1.9 ล้านล้านบาท ต่อนพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภา

โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคพท. กล่าวว่า พ.ร.ก.ที่ให้สภาพิจารณาขณะนี้ โดยหลักเสียงข้างมากคงเป็นเรื่องยากที่เราจะไปคัดค้าน หรือทัดทาน พร้อมกับเหตุผลที่ฝั่งรัฐบาลให้มาเราก็จำใจต้องยอมให้การอนุมัติ เราทำได้แค่ตั้งขั้งสังเกต และข้อเสนอแนะ ซึ่งที่เกิดขึ้นคือ กการตราพ.ร.ก.ยังไม่มีรายละเอียดแผนงาน และโครงการ มีเพียงแผนงานคร่าวๆในการใช้บฯ โดยเฉพาะงบฯที่จะใช้จากเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ส่วนจำนวน 6 แสนล้านบาท เราไม่ติดใจเรื่องการใช้จ่ายเพื่อเยียวยา แต่เราต้องติดตามในส่วนของรายละเอียดที่จะนำไปใช้แก้ปัญหาทางการแพทย์ และสาธารณสุข เช่นกันกันกับเงินจำนวน 45,000 ล้าน ที่เราต้องไปดูรายละเอียด เพราะเป็รนเม็ดเงินลงทุน และอีก 4 แสนล้านบาทที่เป็นงบฟื้นฟู ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเราเป็นห่วงเรื่องการใช้เม็ดเงิน และไม่มีรายละเอียดให้ตรวจสอบ ฝ่ายค้านมีความเห็นตรงกันว่า ลำดับการร่างจัดทำแผนงานเพื่อใช้เงินต้องเสร็จสิ้นในวันที่ 5 มิถุนายน ส่วนเดือนกรกฎาคมจะเป็นช่วงอนุมัติโครงการ และจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน ซึ่งเร็วมาก ดังนั้น กมธ.วิสามัญที่เราจะยื่นญัตติตั้งขึ้นนี้จึงจะมีความสำคัญ และเหตุที่ตั้งเป็น กมธ.วิสามัญก็เพื่อจะได้เชิญผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาเป็นกมธ.ร่วมด้วย จึงมีความเป็นที่จะเสนอญัตติดังกล่าวเป็นญัตติด่วน ทั้งนี้ มีผู้รับรองญัตติรวมแล้วจำนวน 42 คน และหวังว่า ส.ส.ทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลจะให้การสนับสนุน นอกจากนี้ ยังมีช่องทางอื่นที่เราต้องทำ คือการเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.เพื่อให้เนื้อหาสาระมีกลไกป้องกันการใช้เม็ดเงินให้โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยจะเสนอหลังจากนี้ พร้อมกันนี้ ยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่เราจะติดตามใน กมธ.วิสามัญ คือ ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 64 ซึ่งจะเข้าในเดือนมิถุนายนนี้ด้วย ซึ่งกฎหมายว่าด้วยการงบประมาณ และวินัยการเงินการคลัง กำหนดให้เงินนอกงบประมาณต้องรานงานแจ้งต่อสภาเป็นเอกสารด้วย ซึ่งเงินกู้จำนวน 1 ล้านล้านบาทนี้ถือเป็นเงินนอกงบประมาณ ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งที่เราตรวจสอบได้

ขณะที่นายสุทิน กล่าวว่า ประเด็นหนึ่งที่เราคิดว่าต้องแก้ คือ การรายงานต่อสภา ที่กำหนดว่า 60 วันหลังสิ้นปีงบประมาณ ขณะที่ต้องรายงานครม. ทุก 3 เดือน เราจะแก้ให้เป็น 3 เดือนครั้ง หรือ รายงานที่ครม. แล้วต้องมารายงานที่สภาด้วย ส่วนมาตราอื่นจะปรับเพื่อให้รัดกุมขึ้นต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image