เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี วิพากษ์วิจารณ์ถึงการพิจารณา พ.ร.ก.ให้อำนาจกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทของนายกรัฐมนตรีว่าไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องสภา เป็นการชี้แจงที่ไม่ลงรายละเอียด รวมถึงตอบคำถามไม่ได้ ว่าหากได้ฟังนายกรัฐมนตรีชี้แจงจะเป็นการชี้แจงในภาพรวม ซึ่งการลงรายละเอียดของ พ.ร.ก.กู้เงินนั้น ได้มีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลุกขึ้นชี้แจงอย่างต่อเนื่อง และมีความละเอียดชัดเจน หากฝ่ายค้านมีข้อสงสัย
ส่วนที่นายจาตุรนต์บอกว่า นายกฯยังไม่แสดงให้เห็นว่าจะเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบ ป้องกันการทุจริตในการใช้งบประมาณ ตนขอชี้แจงว่า นายกฯยืนยันมาตลอดในการให้ความสำคัญเรื่องการใช้งบประมาณแผ่นดินของภาครัฐที่สามารถตรวจสอบได้ และรัฐบาลได้มีหน่วยงานต่างๆ ในการตรวจสอบอยู่แล้ว อีกทั้งสภายังมีแนวโน้มที่จะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้เงินกู้อีก พร้อมกับขอให้ฝ่ายค้านอย่ากังวลว่าจะมีการจัดสรรโควต้างบประมาณให้ ส.ส.คนละ 80 ล้านบาท เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน เพราะการบริหารราชการแผ่นดินโดยการนำของนายกฯ จะไม่มีทางให้เกิดการทุจริตเด็ดขาด โดยนายกฯย้ำมาตั้งแต่เข้ามาบริหารบ้านเมือง มีการสั่งการปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง และหากมีหลักฐานที่ชัดเจน ฝ่ายค้านสามารถนำมาเพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที
“นายกฯยืนยันมาตลอดที่จะไม่ปล่อยให้มีการทุจริตอย่างแน่นอน ดังนั้น ฝ่ายค้านไม่ต้องกังวล และขอบคุณฝ่ายค้านและนายจาตุรนต์ที่แสดงความเป็นห่วงรัฐบาลในเรื่องนี้ ซึ่งการใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก.กู้เงิน นอกจากจะมีหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรอิสระทำการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ใครกล้าทุจริตโกงกินเงินภาษีประชาชน นายกฯจัดการดำเนินการตามกฎหมายถึงตายแน่นอน ไม่ละเว้นหน้าไหนทั้งสิ้น
“นายจาตุรนต์เป็นผู้ที่เห็นต่างจากนายกฯ เข้าใจดีว่าอาจไม่ไว้วางใจนายกฯที่จะทำอะไรก็ต้องค้านทั้งหมดทุกเรื่อง บางครั้งต้องพึงระวังการค้านแบบมั่วไม่มีเหตุผล ค้านไปเสียทุกเรื่อง ภาพพจน์ส่วนตัวนายจาตุรนต์จะเสียหายเอง ขออย่าไปคิดแทน หรือพูดแทนประชาชนเลยในเรื่องที่ประชาชนเข้าใจนายกฯดีอยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 เห็นว่าผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนพอใจการแก้ไขปัญหาของนายกฯและรัฐบาลดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายสุภรณ์กล่าว
นายสุภรณ์กล่าวว่า การคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น นายจาตุรนต์ก็ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะขณะนี้นายกฯได้แต่งตั้งให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาศึกษา เพื่อรองรับกรณีหากยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังมีการขยายการบังคับใช้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะมีหน้าที่พิจารณาว่าหลังวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 หากไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วจะใช้กฎหมายฉบับใดมาใช้แทน เพราะต้องมีมาตรการดูแลป้องกันที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสกลับมาแพร่ระบาดในรอบที่ 2 อีก
