เพนกวินหวั่น วันเฉลิมเป็นผู้ลี้ภัยรายที่ 10 ที่สูญหาย พ้อซีก ปชต.เจ็บ-ตายอยู่ฝ่ายเดียว 

‘เพนกวิน’ เปิดใจถึง ‘วันเฉลิม’ หวั่นผู้ลี้ภัยหายรายที่ 10 พ้อ ‘ซีก ปชต.’ เจ็บ-ตายอยู่ฝ่ายเดียว 

สืบเนื่องจากกรณี นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมและผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวไทย ที่อาศัยอยู่ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ซึ่งถูกคนร้ายอุ้มหายบริเวณหน้าคอนโด เมื่อเวลาประมาณ 17.45 น.ของวันที่ 4 มิถุนายน 2563 ขณะเดินลงมาซื้ออาหารหน้าคอนโดนั้น

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 5 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณสกายวอล์ก หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) จัดกิจกรรม “ทวงความเป็นธรรมให้วันเฉลิม และผู้ลี้ภัยทุกคน #saveวันเฉลิม” ตามมาตรการความปลอดภัยรองรับภายใต้โรคระบาดโควิด-19 โดยมีการนำภาพผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่สูญหาย จำนวน 10 รูป มาตั้ง พร้อมเตรียมดอกไม้มาร่วมแสดงออกทางสัญลักษณ์เพื่อทวงความเป็นธรรมให้ผู้ลี้ภัยทางการเมือง

ทั้งนี้ กิจกรรมเริ่มต้นด้วย น.ส.จุฑาทิพย์ สิริขันธ์ ประธานสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) อ่านรายชื่อผู้สูญหาย โดยระบุว่า เป็นผู้ที่สังเวยชีวิตให้กับความบิดเบี้ยวและไร้มนุษยธรรมของรัฐไทย อาทิ ครูเตียง ศิริขันธ์ นายทนง โพธ์อ่าน นายบิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ และรายอื่นๆ รวมกว่า 80 รายชื่อ ซึ่งนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นรายล่าสุด

ด้าน นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ผมกับพี่วันเฉลิมรู้จักกันมาเล็กน้อย จึงมี 3 ประเด็นที่พกมาคือ ความไม่พอใจ ความคับแค้น ขุ่นข้อง ใน 3 ฐานะ
“ฐานะที่ 1 ถึงผมจะไม่สนิทกับพี่วันเฉลิมมากนัก แต่เคยเจอเขา 2 ครั้ง คอนโดที่เขาถูกลักพาตัวไปนั่นก็คือคอนโดที่ผมเคยไปนั่งกินข้าวกับเขา ณ จุดที่ถูกลักพาตัว แล้วอุทานว่า ‘โอ๊ย หายใจไม่ออก’ ผมเคยเดินผ่านตรงนั้นเข้าไปหาเขา ซึ่งถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดวันที่ผมอยู่ ผมก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้

Advertisement

ฐานะที่ 2 ไม่ใช่แค่พี่วันเฉลิมที่ต้องลี้ภัย เขาไม่ใช่คนแรก และอาจจะยังไม่ใช่คนสุดท้ายสำหรับผู้ลี้ภัยที่จะต้องถูกบังคับสูญหาย ที่จะต้องสูญเสียชีวิตด้วยความฉ้อฉลของรัฐนี้ ผมยังมีรุ่นพี่ที่สนิทอีกหลายคนที่เคยมีความทรงจำดีๆ กับผม ที่วันนี้เขาไม่สามารถมาอยู่กับเราที่นี่ ที่วันนี้ต้องลี้ภัย ต้องพักที่นา คาที่นอน เพียงเพราะกฎหมายบางมาตราและระบบการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เมื่อเกิดเหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนวันนี้พี่เฉลิมเป็นรายที่ 10 จะรู้ได้อย่างไรว่าพี่คนอื่นๆ ที่นับถือ และไม่ได้อยู่ในประเทศนี้จะไม่ใช่รายที่ 11
ประการสุดท้าย ตลอดระยะเวลานับแต่ปฏิวัติ 2475 ครูเตียง ศิริขันธ์ จิตร ภูมิศักดิ์ ครูครอง มาจนถึงจ่านิว และคนอื่นๆ ทำไมถึงมีแต่คนฝ่ายประชาธิปไตยที่ต้องเจ็บ ต้องตาย ต้องหนีออกจากต่างประเทศ ทำไมครูเตียงถึงถูกฆ่ารัดคอไปทิ้งที่ จ.กาญจนบุรี ทำไมครูครอง จันดาวงศ์ ต้องถูกประหารที่สว่างแดนดิน ทำไมพี่น้องคนเสื้อแดงถึงต้องถูกยิงทิ้งที่นี่ ทำไมจ่านิวต้องถูกตี ทำไมมีแต่พวกเราที่เจ็บ ที่ตาย”

“ผมขอยกตัวอย่างท่อนหนึ่งของเพลง ‘จากลานโพธิ์สู่ภูพาน’ ตั้งต้นคือเพลงแห่งความเจ็บแค้น ในเนื้อเพลงบอกว่า ‘ตามจับ ตามฆ่า ล่าถึงบ้าน อ้างหลักฐาน จับเข้าคุก ทุกแห่งหน’ แต่ในตอนจบของเพลงระบุไว้ว่า ‘วันกองทัพประชาชนประกาศชัย จะกลับไปกรีดเลือดพาล ล้างลานโพธิ์’ ในวันหนึ่งฝ่ายประชาธิปไตย คนที่ทำเพื่อประชาชน ทำเพื่อคนส่วนมาก ทำเพื่อประเทศชาติที่ถูกย่ำยีมาตลอด 80 กว่าปีที่เราพอจะมีสิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตย ในวันหนึ่งที่ประเทศไทยกลายเป็นประชาธิปไตย ประชาชนจะมาทวงคืนความยุติธรรมแบบทบต้นทบดอก แบบเท่าทวีคูณ” นายพริษฐ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image