บทนำ : เร่งเปิดเฟส 4

เร่งเปิดเฟส 4

หลังผ่อนคลายเฟส 3 เมื่อ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.มีการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ชุดเล็ก พิจารณาประเภทกิจการกิจกรรมที่จะผ่อนคลายโดยไม่รอให้ครบ 14 วัน ได้แก่ 1.โรงเรียนและสถาบันการศึกษา เพื่อจัดการเรียนการสอน 2.สถานรับเลี้ยงเด็กและสถานดูแลผู้สูงอายุแบบรายวัน 3.ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา 4.ห้องประชุมที่มีการรวมกลุ่มคนมากกว่า 200 คน 5.การถ่ายทำรายการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ 6.อุทยานแห่งชาติ สวนรุกขชาติ 7.ชายหาด ชายทะเล 8.สวนสนุก สวนน้ำ สนามเด็กเล่นและร้านเกม 9.สนามกีฬา โรงยิม สถานที่ออกกำลังกาย เฉพาะการฝึกสอน ฝึกซ้อม หรือการแข่งขันกีฬา 10.คอนเสิร์ต ดนตรี งาน
อีเวนต์ จัดแสดงสินค้า พื้นที่เกิน 20,000 ตารางเมตร 11.สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ และ 12.สถานบริการอาบอบนวด

เงื่อนไขของการเปิดกิจการ ได้แก่ ความพร้อมของผู้ประกอบกิจการ ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ และการกำกับดูแลกิจการ/กิจกรรม เช่น การเปิดโรงเรียน ทำการเรียนการสอน อาจจะต้องเปิดโรงเรียนขนาดเล็กที่นักเรียนน้อย หรืออยู่ในพื้นที่ห่างไกล ดูแลเรื่องอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนให้เรียบร้อย โดยผู้ประกอบการต้องเสนอวิธีการ มาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค นำเสนอต่อ ศบค.เฉพาะกิจ โดยมี พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธาน อย่างไรก็ตาม จะต้องผ่านความเห็นจาก ศบค.พิจารณาเห็นชอบว่าเปิดได้โดยปลอดภัย

การผ่อนปรนเฟส 4 ที่จะเกิดขึ้นก่อนครบ 14 วัน จะมีประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ เพราะจะทำให้ประชาชนมีหนทางในการประกอบอาชีพมากขึ้น สอดคล้องกับแนวทางที่รัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจที่เสียหายจากการแพร่ระบาดที่ผ่านมา การเปิดดำเนินการจึงต้องประเมินจากผลทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นเป็นหลัก ควบคู่กับความปลอดภัยของสังคม แน่นอนว่า ความเสี่ยงที่จะระบาดซ้ำย่อมเกิดขึ้น แต่ถ้ารณรงค์ให้สวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง เผยแพร่ข่าวสารความรู้อย่างต่อเนื่อง เน้นความร่วมมือของประชาชน จะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก และรัฐควรพิจารณาอุปสรรคสำคัญ คือ การเคอร์ฟิว และการประกาศภาวะฉุกเฉินว่า ยังมีความจำเป็นหรือไม่ ควรยกเลิกหรือคงไว้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image